ประจวบคีรีขันธ์...รายงาน
ปัญหาการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริ ห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ 8 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ยังคงเกียร์ว่าง ส่งผลให้ที่ดินซึ่ง “ในหลวง” ทรงพระราชทานให้ราษฎรที่ยากไร้กลับไปอยู่ในมือนายทุน และเกิดเหตุสลดเมื่อช้างป่าถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตยกครัวถึง 3 ตัว ในพื้นที่นายทุน วันนี้ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะต้องต้องจัดการสั่งการและตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำที่ดินทั้งหมดคืนสู่สมบัติของแผ่นดิน
เมื่อกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุน่าสลดใจต่อช้างป่าละอูขึ้น เมื่อนายกมล นวลใย หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทยว่า มีคนงานของอาศรมบูรพา ตั้งอยู่เลขที่ 56 หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งให้ทราบว่า มีช้างป่าล้ม จำนวน 3 ตัว อยู่ริมบ่อน้ำในอาศรมบูรพา
ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (WCS) ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู ตามพระราชดำริ หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ตำรวจพลร่ม ตำรวจ สภ.บ้านหนองพลับ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางไปตรวจสอบ
พบเบื้องหน้าคือ ช้างป่า 3 ตัว นอนตายชีวิตเรียงติดกันอยู่ริมบ่อน้ำ ซึ่งภาพที่เห็นทำให้ทุกคนต่างตั้งคำถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับช้างป่าทั้ง 3 ตัว” จนกระทั่งทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติ และสัตวแพทย์จากสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาร่วมตรวจสอบ
เบื้องต้น ไม่พบว่าช้างทั้ง 3 ตัวถูกยิงแต่อย่างใด เพียงแต่พบปลายงวงลูกช้างตัวสุดท้ายมีร่องรอยเหมือนของมีคมบาดชื้นเนื้อหลุดออกไป และเมื่อย้อนไปดูที่ช้างตัวผู้ก็พบว่า เป็นช้างงาเดียวอายุราว 10-15 ปี พบบริเวณงวงมีร่องรอยเหมือนถูกเส้นลวดบาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงรายงานให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น และมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า สาเหตุการเสียชีวิตของช้างป่าทั้ง 3 ตัวครั้งนี้น่าจะเกิดจากสารพิษ หรือสารเคมี และถูกไฟฟ้าช็อต
เมื่อมีการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ซึ่งช้างป่าเสียชีวิตทั้ง 3 ตัว อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของอาศรมบูรพา ซึ่งใช้เป็นที่นั่งฝึกสมาธิ และมีการทำการเกษตร ทั้งปลูกยางพารา และชาใบหม่อน รวมทั้งมีการขุดบ่อน้ำกักเก็บน้ำไว้ในพื้นที่ รวมทั้งยังมีอาคารสิ่งปลูกสร้างอยู่ถึง 8 หลังด้วยกัน โดยมี นายบูรพา ผดุงไทย เป็นเจ้าของอาศรมบูรพา
แต่สิ่งสำคัญพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเป็นที่มาของการติดตามตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ ถึงที่มาที่ไปของพื้นที่โครงการฯ พร้อมไปกับการเคลื่อนย้ายซากช้างป่าทั้งหมดไปผ่าพิสูจน์ที่หน่วยพิทักษ์ หุบเต่า ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จนการผ่าพิสูจน์เสร็จสิ้น และทำการเก็บชื้นเนื้อส่วนต่างๆ ส่งไปตรวจสอบยังสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาร่วม 2 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล
แต่ในขณะเดียวกัน ทั้งทีมสัตวแพทย์ก็มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วว่า ช้างป่าทั้ง 3 ตัว ไม่น่าจะถูกสารพิษ หรือสารเคมี เพราะเสียชีวิตพร้อมกัน แต่พบว่า มีเลือดออกภายในม้าม ปอด หัวใจ ซึ่งตายอย่างเฉียบพลันทั้งหมด ซึ่งก็น่าจะสอดรับต่อการปูพรมค้นหาของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และฝ่ายปกครองหัวหิน ซึ่งพบเส้นลวดไฟฟ้าซุกอยู่ในพื้นที่อาศรม รวมทั้งไม้ค้ำยัน
จากจุดนี้เองถึงแม้ นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และนายกมล นวลใย หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ จะได้พูดคุยกับ นายสมพงษ์ ยะภักดี คนงานของอาศรมบูรพาแล้วก็ตาม แต่ก็ยืนยันว่าช้างไม่ได้ถูกไฟฟ้าช็อตตาย และไม่มีการล้อมรั้วไฟฟ้าแต่อย่างใด จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มมีหลักฐาน และพยาน จึงเชิญตัวไปสอบสวนที่ สภ.บ้าหนองพลับ ตลอดทั้งคืน จนนายสมพงษ์ ยอมรับสารภาพว่า ใช้รั้วไฟฟ้าขนาด 220 โวลต์ ทำการช็อตช้างเนื่องจากไม่ต้องการให้ช้างป่าลงมากินน้ำในบ่อน้ำ จนถูกแจ้งข้อหาทันที
ในเวลาต่อมา นายบูรพา ผดุงไทย อายุ 56 ปี เจ้าของอาศรมบูรพา หมู่ 1 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รอง ผบก.ปทส.พร้อมด้วย พ.ต.ท.สนั่นศิริ มงคล หัวหน้างานสอบสวน สภ.บ้านหนองพลับ พ.ต.ต.นฤปนาท หนูจุ้ย พนักงานสอบสวน สภ.บ้านหนองพลับ
นายบูรพา ผดุงไทย เจ้าของอาศรมบูรพา สารภาพว่า ตนและครอบครัวได้ซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวมาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในราคาไร่ละ 30,000 บาท โดยที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่ดินทั้งหมดที่ตนเอง และครอบครัวซื้อเป็นพื้นที่ที่ดินของโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู ตามพระราชดำริ และไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ ซึ่งที่ผ่านมา มีการเสียภาษีบำรุงท้องที่ต่อ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ มาโดยตลอด และยังสามารถเปลี่ยนชื่อได้โดยไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถซื้อขายได้ ซึ่งหากทางเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐแจ้งให้ทราบเรื่องก็คงจบไปแล้ว
ในเวลเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู ตามพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เดินทางไปทำการรังวัดพื้นที่บริเวณอาศรมบูรพา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ช้างป่าถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต 3 ตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้จีพีเอสทำการวัดพื้นที่ และขึ้นรูปแปลงที่ดิน
พบว่าในพื้นที่มีบ้านรวม 8 หลัง สระน้ำ และปลูกยางพารา ปลูกหญ้า และพืชอื่นๆ เจ้าของอาศรมบูรพา ได้บุกรุกพื้นที่ของรัฐอยู่ในเขต ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่รวม 53 ไร่ และอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 30 ไร่ และในเวลาต่อมา ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านหนองพลับ
พ.ต.ท.สนั่น ศิริมงคล หัวหน้างานสอบสวน สภ.บ้านหนองพลับ ได้แจ้งข้อหา นายบูรพา ผดุงไทย เจ้าของอาศรมบูรพา ว่า บุกรุกเข้าไปในสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเข้าไปยึดถือครอบครอง รวมทั้งก่นสร้างแผ้วถางป่าทำให้เสื่อมสภาพ
นายบูรพา ผดุงไทย ยอมรับว่า “รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ช้างป่าต้องมาถูกไฟฟ้าช็อตในพื้นที่ของผม และผมยินดีคืนพื้นที่ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผมเอง และครอบครัวทั้งหมดซึ่งยังไม่แน่ใจว่าทั้งหมดจำนวนกี่ไร่เพื่อเป็นการนำร่อง”
กระทั่ง นายนิพนธุ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ออกมาระบุว่า “ในเมื่อพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วทำไมมีการเปลี่ยนมือ และครอบครองโดยผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ” พร้อมกันนี้ ยังได้ทำหนังสือประสานไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำเนินการตรวจสอบที่มาที่ไปของที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปด้วย
ขณะที่ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ฯ เป็นการด่วน โดยมี นายสุธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู ตามพระราชดำริ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทหาร ตำรวจพลร่ม และตำรวจ สภ.บ้านหนองพลับ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ฯ
“สำหรับโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดขึ้นเมื่อปี 2520 มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายป่า 2.รักษาความมั่นคงบริเวณแนวชายแดน 3.จัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรที่ยากจน ครอบครัวละ 23 ไร่ และ 4.รวบรวมชาวไทยภูเขาให้อยู่เป็นกลุ่มเพื่อช่วยเหลือในด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และการประกอบอาชีพ โดยที่ดินที่ได้ไปห้ามซื้อ ห้ามขาย ห้ามจำหน่ายถ่ายโอนให้แก่ผู้อื่น แต่วันนี้ทำไมที่ดินจึงมีการเปลี่ยนมือ”
นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้ทำการออกสำรวจเมื่อปี 2556 มีผู้ถือครองที่ดิน 1,589 แปลง แต่มีการขึ้นทะเบียนที่ดินเพียง 956 แปลง เนื่องจากผู้ครอบครองที่ดินรายใหม่ที่ซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านไม่ได้แจ้งข้อมูล ซึ่งที่ดินที่พระราชทานมีการจัดสรร และมอบที่ดินให้ประชาชนเข้าทำกิน 15,000 ไร่ แบ่งเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่เดิม คือ ชาวกะเหรี่ยง และผู้ยากไร้ นอกจากนั้น ยังมีที่ดินสมบัติส่วนกลาง 5,000 ไร่ ซึ่งในปัจจุบันถูกบุกรุกหมดแล้ว และอีกส่วนมอบให้แก่ตำรวจพลร่มไว้ใช้ประโยชน์ในราชการ 4,030 ไร่
วันนี้ปัญหาช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ต้องมาถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตถึง 3 ตัว ถึงแม้วันนี้จะจับกุมผุ้ต้องหาที่ใช้ไฟฟ้าช็อตช้างป่าได้แล้ว รวมทั้ง นายบูรพา ผดุงไทย เจ้าของอาศรม ถึงแม้จะยอมคืนพื้นที่ทั้งหมดให้แก่หน่วยงานภาครัฐก็ตามเพื่อเป็นตัวอย่าง แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปตรวจสอบต่อไปว่า “ที่ดินพระราชทาน” ในโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ฯ มีการขึ้นทะเบียนทุกหน่วยงานรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบอยู่แล้วว่าไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ
แต่อะไรที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงออกไป ภ.บท.5 ให้แก่เหล่าบรรดานายทุนเพื่อนำไปจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ที่ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่
เรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงต้องสั่งการให้มีการสอบสอบสวนที่มาที่ไปของที่ดินในโครงการสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ฯ ทั้งหมดว่ายังมีที่ดินแปลงใดบ้างที่ถูกเปลี่ยนมือจากราษฎรที่ยากไร้ไปสู่นายทุน และคงต้องเอาที่ดินทั้งหมดกลับคืนมาเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป ไม่ใชเพียงแต่ที่ดินของอาศรมบูรพาที่รับมอบคืนมาเท่านั้น เพราะนี่ถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐแ ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบที่มีการปล่อยให้มีการบุกรุกที่ดินของในหลวง
หากย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคม 2551 ก็เคยเกิดเหตุการณ์การบุกรุกโค่นป่าในที่ดิน 1,700 ไร่ ในพื้นที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก็เป็นที่ดินของโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง ป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาพที่ 1 ก็ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปจัดการยึดคืนมาแล้ว
แต่วันนี้เวลาที่ล่วงเลยผ่านมาถึงเกือบ 8 ปีเต็ม การตรวจสอบสาระบบที่ดินว่า “ใครถือครองพื้นที่ในสมัยนั้นโดยกรมธนารักษ์ และหน่วยงานเกี่ยวข้องก็ดูเหมือนว่าถูกปล่อยปละละเลยจนถึงปัจจุบันนี้จนทำให้พื้นที่ดินที่พระองค์ท่านพระราชทานให้แก่ราษฎรที่ยากไร้ตกไปอยู่ในมือของนายทุนเรื่อยมา”