บุรีรัมย์ - ทหารกองกำลังรักษาความสงบ จ.บุรีรัมย์ ร่วม อ.ปะคำ ตำรวจ และเทศบาลฯ เดินหน้าขอคืนพื้นที่ นสล.ที่ถูกนายทุนและชาวบ้าน 26 รายบุกรุกสร้างห้องแถวอาคารร้านค้ากว่า 30 ห้อง เนื้อที่กว่า 9 ไร่ มานานกว่า 40 ปี กำหนดให้เขียนคำร้องขอผ่อนผันภายใน 2 สัปดาห์ หากฝ่าฝืนดำเนินการตามกฎหมาย
วันนี้ (17 ก.ค.) พ.ท.ประพล อาจหาญ ผู้แทนกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอปะคำ, พ.ต.อ.โรมรัน จินดานุภาพ ผกก.สภ.ปะคำ และนายกเทศมนตรีตำบลปะคำ ได้เรียกผู้ประกอบการ และชาวบ้านกลุ่มที่บุกรุกที่สาธารณประโยชน์หนองบัวทอง ต.ปะคำ อ.ปะคำ ที่มีการออกเอกสารสิทธิหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) แปลงที่ บร.4459 และกลุ่มที่ร้องเรียนให้ทำการขอคืนพื้นที่ นสล.ดังกล่าว เข้าชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางในการขอคืนพื้นที่ ที่นายทุนและชาวบ้านจำนวน 26 รายได้เข้าไปบุกรุกจับจองสร้างที่อยู่อาศัย ห้องแถว อาคาร ร้านค้ารวมกว่า 30 ห้อง เนื้อที่กว่า 9 ไร่ เพื่อส่งมอบพื้นที่คืนให้กระทรวงมหาดไทย
หลังจากได้เกิดปัญหาการบุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมานานกว่า40 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้กำหนดให้กลุ่มผู้บุกรุกมาลงทะเบียนเพื่อยินยอมให้ทำการรื้อถอนอาคารร้านค้า หรือเขียนคำร้องขอผ่อนผันในการรื้อถอนภายใน 2 สัปดาห์
จากนั้นให้ทางเทศบาลฯ ออกเทศบัญญัติควบคุมอาคารและออกคำสั่งรื้อถอนตามขั้นตอน แต่หากผู้บุกรุกรายใดมีการคัดค้านต่อต้านก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ทางเทศบาลฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวที่มีแผนจะพัฒนาปรับปรุงโดยการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และจะพิจารณาให้ผู้ที่อยู่อาศัยเดิมได้ใช้สิทธิก่อนนั้น ก็จะต้องทำเรื่องยื่นขออนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยตามขั้นตอนหลังจากที่มีการขอคืนพื้นที่แล้วเสร็จ
นายนิยม ปราบพยัคฆา ประธานสภาเทศบาลตำบลปะคำ กล่าวว่า พื้นที่ นสล.ดังกล่าวได้ถูกนายทุนและชาวบ้านบุกรุกทำประโยชน์ส่วนตัวมานานกว่า 40 ปีแล้ว ทั้งสร้างห้องแถว อาคาร ร้านค้า และที่อยู่อาศัย จนปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรม ดังนั้น ชาวบ้านและผู้นำชุมชนจึงได้ร่วมกันทำเรื่องร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำการขอคืนพื้นที่ดังกล่าวกลับมาเป็นของหลวง และนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ด้านนายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอปะคำ กล่าวว่า การชี้แจงทำความเข้าใจก็เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจถึงแนวทางในการขอคืนพื้นที่ และลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้บุกรุกกับกลุ่มที่ร้องเรียนเพราะปัญหาดังกล่าวได้ยืดเยื้อมานานกว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยชี้แจงในเบื้องต้นชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับสภาพว่าเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม หลังจากขอคืนพื้นที่ส่งคืนให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว บุคคลใดจะขอใช้ประโยชน์ก็จะต้องทำเรื่องเสนอขอตามขั้นตอน