ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เผยอาศัยโอกาสช่วงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และร่องมรสุมพาดผ่าน เร่งมือทำฝนหลวงเฉลี่ยวันละ 20 เที่ยวบิน มุ่งเติมน้ำเข้าทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์
นางสาวหนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยถึงการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงว่า มีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนหลักของภาคเหนือ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในโอกาสที่กำลังได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบกับช่วงนี้พื้นที่ทางภาคเหนือและตอนบนของประเทศไทย กำลังมีร่องมรสุมพาดผ่าน ซึ่งเหมาะสมต่อการปฏิบัติการ เพราะมีการเกิดของก้อนเมฆที่เหมาะต่อการทำฝนหลวงจำนวนมาก เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำให้เกิดฝนตกลงมาได้มากและนานขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำที่ไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนหลักทั้งสองเขื่อนดังกล่าวนั้น ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าค่อนข้างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 2-3 ล้านลูกบาศก์เมตร และอาจเพิ่มขึ้นถึงวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงที่มีฝนตกมาก ขณะที่ในส่วนเขื่อนภูมิพล ยอมรับว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะมีปริมาณน้ำไหลเข้าน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ลุ่มน้ำปิงค่อนข้างยาว ทำให้เมื่อมีฝนตกแล้วในพื้นที่ต้นน้ำกว่าที่มวลน้ำจะไหลลงเขื่อนต้องใช้เวลานาน รวมทั้งปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งมาจากสภาพดินที่ความชื้นต่ำมาก เมื่อฝนตกลงมาจึงดูดซับน้ำไว้จนอิ่มตัวก่อนจึงจะปล่อยให้ไหลผ่าน และเหลือน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยลง
ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ระบุว่า จากสภาพอากาศในช่วงนี้ที่พื้นที่ภาคเหนือได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมีร่องมรสุมพาดผ่าน ถือโอกาสดีในการปฏิบัติการทำฝนหลวงโดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศดังกล่าว คาดว่าน่าจะสามารถทำให้เกิดฝนตก และเพิ่มปริมาณน้ำไหลเข้าสู่เขื่อนภูมิพลได้มากขึ้นกว่าเดิมที่เข้าประมาณวันละ 8-9 แสนลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้หากร่องมรสุมยิ่งพาดผ่านพื้นที่ภาคเหนือนานเท่าใด ก็ยิ่งจะส่งผลดีต่อการทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนมากเท่านั้น
สำหรับการปฏิบัตินั้น ปัจจุบันมีการขึ้นบินวันละ 18-22 เที่ยวบิน ขณะที่ผ่านมามีการขึ้นบินปฏิบัติการรวมแล้วกว่า 800 เที่ยวบิน และประสบความสำเร็จในการทำให้เกิดฝนตกประมาณร้อยละ 86 โดยการปฏิบัติการในช่วงนี้ มีการปรับแผนขึ้นบินในช่วงค่ำมากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีความชื้นในอากาศเหมาะสมมากกว่า ทั้งนี้การปฏิบัติการจะมีการวางแผนโดยการตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้ประสบผลสำเร็จมากที่สุด