ประจวบคีรีขันธ์ - ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายของช้างป่าละอูทั้ง 3 ตัว เบื้องต้น พบเลือดออกในช่องอกมาก และต้องส่งส่วนอวัยวะตรวจทางห้องแล็ย คาดใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน ตำรวจหนองพลับ ได้เรียกสอบปากคำผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ความคืบหน้ากรณีช้างป่าเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ตัว บริเวณริมบ่อน้ำ หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3 ตัว โดยตัวแรกเป็นช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 10-15 ปี มีงายาวประมาณ 30 เซนติเมตร ตัวที่ 2 เป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 6-7 ปี และตัวที่ 3 เป็นลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 2-3 ปี โดยในที่เกิดเหตุพบกองอุจจาระของช้างด้วย ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
ต่อมา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ค.58 ที่ผ่านมา นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี นายกมล นวลใย หน.อุทยานฯ แก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับหลายหน่วยงานได้ทำการเคลื่อนย้ายช้างป่าทั้ง 3 ตัว มาที่หน่วยพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 7 (เขาหุบเต่า) ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กม. เพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย
โดยทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติฯ และสัตวแพทย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมผ่าพิสูจน์ซากช้างป่าทั้ง 3 ตัว โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชม.โดยทีมสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บชิ้นเนื้ออวัยวะภายใน อาหารในกระเพาะ เพื่อส่งพิสูจน์ที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ และคณะสัตวแพทย์ ม.มหิดล คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์
เบื้องต้น จากการผ่าพิสูจน์ยังไม่พบสิ่งผิดปกติต้องส่งตรวจอย่างละเอียด ภายหลังผ่าพิสูจน์ซากช้างครบทั้ง 3 ตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบ็กโฮนำร่างช้างลงไปฝังในหลุมที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งโรยปูนขาวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ด้านสัตวแพทย์หญิงเนตรนภา วิทิตธรรมคุณ สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ได้มีการเก็บตัวอย่างอวัยวะที่สามารถดูดซึมสารพิษได้ หรือสามารถตรวจรอยโรคได้ เช่น ปอด ตับ หัวใจ ม้าม ลำไส้ กระเพาะอาหาร จากผ่าพิสูจน์ช้างทั้ง 3 ตัว พบสิ่งผิดปกติเหมือนกันคือ มีเลือดออกในช่องอกค่อนข้างเยอะ ตับก็มีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องนำอาหารในกระเพาะไปตรวจหาสารพิษด้วย
จากการตรวจกระเพาะอาหารพบอาหารค่อนข้างเยอะ แสดงว่าช้างยังสามารถกินอาหารได้ ไม่ได้เป็นโรค แสดงว่าอาจจะมีสิ่งที่ทำให้ช้างเสียชีวิตโดยเฉียบพลัน ทั้งนี้ จะต้องตรวจอย่างละเอียดยังไม่สามารถระบุได้ในตอนนี้ ในขณะนี้ก็ยังไม่พบสารพิษที่ชัดเจน ต้องรอผลจากห้องแล็บของสถาบันตรวจสุขภาพสัตว์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
สำหรับภายนอกไม่พบบาดแผลที่จะทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าหากกรณีไฟช็อตจะพบรอยแผลไหม้ในบริเวณที่ไปสัมผัส ซึ่งก็ยังไม่พบรอยไหม้ มีเพียงช้างเพศผู้ตัวใหญ่ที่พบรอยคล้ายแผล ซึ่งจะต้องตรวจดูว่าเป็นรอยไหม้หรือไม่
ขณะเดียวกัน นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี กล่าวว่า ได้มีการกั้นพื้นที่ และตรวจหาหลักฐาน และร่องรอยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ได้ตั้งประเด็นการตายของช้างไว้ เหลือ 2 ประเด็นคือ กินสารพิษ ซึ่งจะต้องตรวจพิสูจน์ทางห้องแล็บ และไฟฟ้าช็อต
โดยวานนี้เจ้าหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่อุทยานกุยบุรี ทหาร ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน ที่พบหลักฐานสำคัญใกล้ที่เกิดเหตุ คื อลวดที่ใช้ขึงเพื่อป้องกันช้าง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกไฟฟ้าช็อต หรือกินสารพิษประเภทปุ๋ย ยาฆ่าแมลงในการเกษตร ไม่ใช่การวางยาเพื่อหวังฆ่าช้างแน่นอน ยังไม่ตัดประเด็นใด หรือให้น้ำหนักประเด็นไหนเป็นพิเศษ
หากพิสูจน์ว่าเกิดจากกระแสไฟฟ้าช็อตก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคงหาตัวคนผิดได้ไม่ยาก สำหรับที่เกิดเหตุพบว่าเป็นของเอกชนจากนอกพื้นที่ซึ่งมากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน รวมกว่า 200 ไร่ เพื่อทำรีสอร์ต ซึ่งหากตรวจพบว่า เกิดจากไฟฟ้าช็อตจะทำให้เห็นความขัดแยังระหว่างคนกับช้าง แต่จะเป็นความขัดแย้งระหว่างช้างกับบุคคลจากนอกพื้นที่ที่เข้ามาในตำบลห้วยสัตว์ใหญ่
ด้าน นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาร่วมตรวจสอบหาสาเหตุการตายของช้างป่าทั้ง 3 ตัวด้วย ให้สัมภาษณ์ว่า จากประสบการณ์พบว่า หากสัตว์ป่าถูกสารพิษจะยังไม่ตายในทันที ก่อนตายจะมีอาการทุรนทุราย บริเวณพื้นดินที่สัตว์ตายจะมีร่องรอยจากอาการทรมาน แต่ลักษณะที่พบกับช้างป่า 3 ตัว ไม่มีร่องรอยความทุรนทุราย ในตอนแรกคิดว่าช้างอาจจะโดนฟ้าผ่าซึ่งจะล้มตายทันที
สำหรับอีกกรณีที่จะเกิดขึ้นลักษณะนี้ก็คือ ถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งดูจากอาการก็มีความเป็นไปได้ว่าช้างอาจจะถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตรวจพบลวด หลักไม้ ซึ่งได้มีการนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป ส่วนตัวคิดว่าช้างป่าทั้ง 3 ตัว น่าจะเสียชีวิตพร้อมกัน
ล่าสุด ทาง ตร.สภ.หนองพลับ ได้หลักฐานคือลวด เชือก และไม้หลักจากเจ้าหน้าที่อุทยานจึงได้นำมาเป็นหลักฐานประกอบคดี พร้อมกันนี้ ได้เรียกสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 2 รายและพยาน 1 ราย ซึ่งเป็นคนงานของอาศรมบูรพา ซึ่ง พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยืนยันเพียงแต่เป็นการเชิญตัวมาสอบปากคำในเบื้องต้น และยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อใคร
ส่วนหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานมอบให้ก็ถือว่าเป็นพยานหลักฐานส่วนหนึ่ง และคงต้องรอผลพิสูจน์จากการเก็บชื้นเนื้อของช้างป่า ที่ส่งตรวจสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติควบคู่กันไป พร้อมตั้ง 2 รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ ทำหน้าที่คุมทีมสืบสวนสอบสวน เพื่อคลี่คลายกรณีช้างป่าตาย 3 ตัวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ ว่า ช้างทั้ง 3 ตัวไม่ได้ตายด้วยธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าทั้งสารเคมี หรือถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งเพื่อให้ทางตำรวจติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม การสอบสวนทั้ง 3 คน ยังไม่แล้วเสร็จเมื่อเวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้ (16 ก.ค.) ทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานเกี่ยวข้องจะมีการประชุม และตั้งวอร์รูมที่ศูนย์โอทอปห้วยสัตว์ใหญ่ ซึ่งอาจจะมีการสแกนพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐาน และหาพยานเพิ่มเติม