กาญจนบุรี - วัยรุ่นกาญจนบุรีป่วนเมืองทั้งคืน เจอคู่อริชักปืนยิงขู่กลางตลาดโต้รุ่ง พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งนักท่องเที่ยวหลบกระสุนจ้าละหวั่น ก่อนซิ่งเก๋งหลบหนี ตร.ไล่สกัดจับวุ่นทั้งเมือง สุดท้ายยางแตกโดนรวบ ส่วนประชาชนผู้ใช้รถถูกชนเสียหายหลายคัน ด้านหนุ่มวัยเบญจเพสเกือบชะตาขาดถูกชนคว่ำสลบ
เมื่อเวลา 01.30 น.วันนี้ (11 ก.ค.) ร.ต.ท.ชัยรัตน์ จันทร์อนันต์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.กาญจนบุรี ว่า เกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณร้านข้าวต้มโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด นักท่องเที่ยว และบรรดาแม่ค้าพ่อค้าหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไปช่วยระงับเหตุ
เมื่อไปถึงพบกลุ่มวัยรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไปขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี โดยมีกลุ่มวัยรุ่นอีกฝ่ายกำลังสตาร์ทรถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก 4681 ราชบุรี หลบหนี และได้ขับถอยหลังชนหน้ารถยนต์เก๋งของประชาชนที่จอดอยู่ด้านท้ายจนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงตัดสินใจกระโดดเข้าชาร์จเปิดประตูเพื่อให้คนขับหยุดรถ แต่วัยรุ่นคนดังกล่าวไม่ยอมจำนนยังได้ขับถอยหลัง และเดินหน้าจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกระโดดหลบจนจ้าละหวั่น
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่เกาะอยู่ที่ประตูทั้งซ้าย และขวาต้องรีบกระโดดออกจากตัวรถเนื่องจากสังเกตเห็นว่า คนขับทำท่าคล้ายจะหยิบเอาอาวุธปืนออกมายิงใส่ อีกทั้งได้ยินเสียงตะโกนจากบรรดาแม่ค้าว่าวัยรุ่นที่อยู่ในรถมีอาวุธปืน ทำให้คนขับเร่งเครื่องหลบหนีออกไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันขับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด โดยรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองกาญจนบุรีทราบอย่างต่อเนื่อง ระหว่างคนขับขับรถหลบหนีได้เฉี่ยวชนรถยนต์เก๋งของประชาชนที่สัญจรไปมาเสียหายไปหลายคัน
จนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดโต้รุ่งประมาณ 3 กิโลเมตร รถยนต์คันดังกล่าวเสียหลักชนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน ขกจ 623 กาญจนบุรี ที่มี นายกฤษดา วัฒนแย้ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ถ.แสงชูโต 34 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับล้มลงจนได้รับบาดเจ็บ ศูนย์วิทยุจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ มาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ล่าสุด อาการปลอดภัย คณะแพทย์ช่วยทำแผล และอนุญาตให้กลับบ้านได้
ส่วนรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวยังคงเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนไปถึง 3 แยกไฟแดงหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี คนขับจึงได้ยูเทิร์นมุ่งหน้ากลับเข้ามาทางตัวเมือง เมื่อมาถึงบริเวณตรงข้ามกับซอยโกอู๋ รถยนต์คันดังกล่าวเกิดยางหน้าแตกทั้ง 2 ข้าง ไม่สามารถขับไปต่อได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจึงสามารถคุมตัวคนขับเอาไว้ได้พร้อมกับเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิงสาวอีก 1 คน
ระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวชายวัยรุ่น 2 คน ขึ้นไปอยู่บนท้ายกระบะรถยนต์ตำรวจสายตรวจ ส่วนหญิงสาวนั่งอยู่ภายในห้องโดยสาร มีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามมาหลายสิบคน เมื่อพบจึงจอดรถจักรยานยนต์เอาไว้ฝั่งตรงข้ามถนน และวิ่งกรูกันเข้ามาด่าทอ ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกันเอาไว้ แต่เมื่อเผลอก็ฉวยจังหวะชกต่อยชายวัยรุ่นที่เป็นคนขับรถยนต์เก๋งที่นั่งอยู่ท้ายกระบะไปหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้พยายามกันเอาไว้อย่างฉุกละหุก จนกระทั่งเพื่อนตำรวจสายตรวจมาสมทบ กลุ่มวัยรุ่นคู่อริจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นภายในรถพบเครื่องกระสุนปืนลูกซ้อม ขนาด .38 ตกอยู่ที่ที่วางเท้าเบาะซ้าย จำนวน 6 นัด ส่วนตัวรถยนต์พบรูกระสุนไม่ทราบขนาด 1 รู ประตูขวา 1 รู จึงได้คุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมทั้งนำรถยนต์ไปตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายภายในรถอย่างละเอียดแต่ไม่พบ ขณะเดียวกัน ได้มีผู้เสียหายจากการถูกเฉี่ยวชนเดินทางมาที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ทราบชื่อคนขับรถยนต์คันดังกล่าวคือ นายวัฒนะ สินสืบผล อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/2 หมู่ 3 ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันคือ นายทศพล โพธิพิพิธอายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/3 หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ส่วนหญิงสาวอีกคนไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 20 ปีเศษ
ร.ต.ท.ชัยรัตน์ จันทร์อนันต์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังทำการสอบปากคำนานวัฒนะ คนขับรถยนต์อยู่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนเพื่อนของนายวัฒนะ ที่มาด้วยอยู่ระหว่างรอการสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 ฝ่าย เคยกินเที่ยวด้วยกันมาก่อนแต่มาแตกคอกันในภายหลัง และมีเรื่องชกต่อยกันอยู่เป็นประจำ
โดยช่วงเย็นวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ก่อเหตุชกต่อยกันมาก่อน เจ้าหน้าที่ได้จับตัวทั้งหมดเอาไว้ได้ และนำตัวมาว่ากล่าวตักเตือนพร้อมกับให้เสียค่าปรับ จนกระทั่งมาก่อเหตุอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะดำเนินคดีต่อใครบ้างจะต้องรอให้สอบปากคำแล้วเสร็จ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้ละเอียดเสียก่อนจึงจะตั้งข้อหาในภายหลัง