กาญจนบุรี - วัยรุ่นเมืองกาญจนบุรีซิ่งรถจักรยานยนต์ไล่ตีกันกลางดึก รถเกิดเสียหลักไปเกี่ยวเข้ากับรถ จยย.ชาวบ้านกลิ้งกลางถนน บาดเจ็บรวม 4 ราย เหตุเขม่นกันที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง
เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (28 เม.ย.) ร.ต.ท.สกุล เอี่ยมบุญลือ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ว่า เกิดเหตุวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตีกันเสียหลักเกี่ยวรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านได้รับบาดเจ็บรวม 4 ราย เหตุเกิดบริเวณถนนแสงชูโต หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
จึงรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ริมถนน 2 คัน พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นางแสงหล้า ภูทอง อายุ 45 ปี ไม่ทราบที่อยู่ นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมนึก พิกุล อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231 หมู่ 8 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขับขี่รถจักรยานยนต์มากับ น.ส.แสงหล้า
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่น 2 ราย คือ นายตะวัน มงคลกาญจนกุล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/7 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และนายธนการต์ กิจถาวรอาชีพ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ทั้ง 2 มีบาดแผลตามร่างกาย และใบหน้าถลอก
จากการสอบสวน นายวรกมล เดชามกุล อายุ 20 ปี วัยรุ่นชาวอำเภอบ่อพลอย และเป็นเพื่อนของวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บให้การเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับกลุ่มเพื่อนจำนวนหนึ่งได้ไปกินเลี้ยงวันเกิดที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จากนั้นได้ไปกินข้าวต้มโต้รุ่งที่อยู่ในตัวเมือง ขณะกำลังนั่งสั่งอาหาร ก็มีวัยรุ่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เดินเข้ามาถามพวกตนว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึ่งลักษณะคล้ายกับจะมาหาเรื่องพวกตน พวกตนเห็นท่าไม่ดีจึงชวนกันออกจากร้านเพื่อไปกินข้าวต้มที่บริเวณสี่แยกแก่งเสี้ยน
เมื่อมาถึงสี่แยกป้อม สห.หรือสี่แยกไฟแดงอู่ทอง ก็มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายพวกตน จึงเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่บาดเจ็บเกิดเสียหลัก พุ่งไปชนกับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่วิ่งอยู่จนล้มลงได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.สกุล เอี่ยมบุญลือ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งจะเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ตามเส้นทางเกิดเหตุเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (28 เม.ย.) ร.ต.ท.สกุล เอี่ยมบุญลือ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ว่า เกิดเหตุวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตีกันเสียหลักเกี่ยวรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านได้รับบาดเจ็บรวม 4 ราย เหตุเกิดบริเวณถนนแสงชูโต หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
จึงรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ริมถนน 2 คัน พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นางแสงหล้า ภูทอง อายุ 45 ปี ไม่ทราบที่อยู่ นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมนึก พิกุล อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231 หมู่ 8 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขับขี่รถจักรยานยนต์มากับ น.ส.แสงหล้า
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่น 2 ราย คือ นายตะวัน มงคลกาญจนกุล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/7 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และนายธนการต์ กิจถาวรอาชีพ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ทั้ง 2 มีบาดแผลตามร่างกาย และใบหน้าถลอก
จากการสอบสวน นายวรกมล เดชามกุล อายุ 20 ปี วัยรุ่นชาวอำเภอบ่อพลอย และเป็นเพื่อนของวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บให้การเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับกลุ่มเพื่อนจำนวนหนึ่งได้ไปกินเลี้ยงวันเกิดที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จากนั้นได้ไปกินข้าวต้มโต้รุ่งที่อยู่ในตัวเมือง ขณะกำลังนั่งสั่งอาหาร ก็มีวัยรุ่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เดินเข้ามาถามพวกตนว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึ่งลักษณะคล้ายกับจะมาหาเรื่องพวกตน พวกตนเห็นท่าไม่ดีจึงชวนกันออกจากร้านเพื่อไปกินข้าวต้มที่บริเวณสี่แยกแก่งเสี้ยน
เมื่อมาถึงสี่แยกป้อม สห.หรือสี่แยกไฟแดงอู่ทอง ก็มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายพวกตน จึงเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่บาดเจ็บเกิดเสียหลัก พุ่งไปชนกับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่วิ่งอยู่จนล้มลงได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.สกุล เอี่ยมบุญลือ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งจะเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ตามเส้นทางเกิดเหตุเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง