มหาสารคาม - พ่อร้องสื่อลูกสาววัย 18 ปีหายออกจากบ้าน คาดถูกล่อลวงลักพาตัวไปผ่านโปรแกรมแชตแคมฟรอก ล่าสุดแกะเบาะแสจากเฟซบุ๊กลูกสาวแอบแชร์สถานที่ พบอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายฉลาด กองสำลี บ้านเลขที่ 143 หมู่ 9 บ้านหนองแสน ต.หนองแสน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคามว่า บุตรสาวของตน ชื่อ น.ส.วิชญาดา กองสำลี หรือน้องโบว์ อายุ 18 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่ กศน.อำเภอวาปีปทุม หายออกไปจากบ้านเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากลูกสาวรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านไปทางหนองน้ำบริเวณข้างหมู่บ้าน จากนั้นก็ขาดการติดต่อแล้วหายไปไม่กลับบ้านอีกเลย
นายฉลาด ผู้เป็นพ่อ เล่าว่า ปกติน้องโบว์เป็นคนขยันช่วยเหลืองานบ้านและหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวด้วยการขายเสื้อผ้าในตัว อ.แกดำ ส่วนช่วงเย็นจะกลับมาให้อาหารเป็ดที่เลี้ยงที่บ้านทุกวัน วันเกิดเหตุเวลาประมาณบ่าย 3 โมง หลังรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านไปนาน ตนเห็นผิดสังเกตจึงบอกให้ลูกชายออกไปตามหาแต่ไม่พบ เจอแต่รถจักรยานยนต์จอดอยู่ ออกไปตามหาและถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครทราบ
จนเมื่อต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น.ลูกสาวได้โทรศัพท์กลับมาบอกแม่ว่าให้ช่วยด้วย ตอนนี้ตนถูกจับขังอยู่ในรถซึ่งวิ่งไปเรื่อยๆ ข้างหน้ามีผู้ชายนั่งอยู่ 3 คน ที่ด้านหลังมีผู้หญิงสาวอีก 4 คน รวมลูกสาวตนเป็น 5 คน
ตนจึงถามว่าทำไมถึงได้ไปกับเขา ก็ได้รับคำตอบว่า จำได้แต่เพียงเดินไปข้างริมสระน้ำชุมชนใกล้หมู่บ้าน เจอกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี ถือของพะรุงพะรัง เดินก้มหน้ามาและขอให้น้องโบว์ช่วยถือของให้ หลังจากนั้นจึงหมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนรถแล้ว หลังจากนั้นโทรศัพท์ก็ตัดไป
แต่ได้แชร์พิกัดว่าขณะนั้นอยู่ที่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวตนจึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาญาติซึ่งเป็นตำรวจอยู่ สภ.โกสุมพิสัย ก็ได้แนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจในท้องที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน
ต่อมาตั้งแต่เช้าวันที่ 8 ก.ค. ตนจึงให้ลูกชายลองคุยกับบุตรสาวทาง facebook ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ประมาณ 2 ทุ่มลูกสาวจึงตอบกลับมาว่าไม่ทราบว่าตนอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าอยู่ในความมืด ตนจึงถามว่ากลุ่มที่ลักพาตัวไปรู้หรือไม่ว่าตนเองมีโทรศัพท์ ลูกสาวบอกว่าได้ซ่อนโทรศัพท์ไว้ เวลาจะโทรศัพท์ก็มีพี่อีก 4 คนที่ถูกลักพาตัวมาด้วยกันเป็นคนดูต้นทางให้แล้วจึงแอบโทรศัพท์กลับมาหาพ่อ
โดยในครั้งนี้ลูกสาวให้รายละเอียดว่า กลุ่มคนร้ายได้พาตัวไปพักไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่งแต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน มีลักษณะเป็นห้องพัก มีคนเฝ้าหน้าประตูเป็นผู้ชาย
ระหว่างนั้นน้องโบว์ก็ติดต่อมาเป็นระยะๆ เนื่องจากต้องการเซฟแบตเตอรี่โทรศัพท์ไว้ ตอนที่โทร.คุยกันมีอยู่ช่วงหนึ่งได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า “พวกมึงกินข้าวก่อน ตอนนี้พวกกูยังไม่ทำอะไรพวกมึงหรอก เพราะยังไม่ถึงเวลาพาพวกมึงจะไป” ตนจึงตกใจและแน่ใจว่าลูกสาวถูกลักพาตัวแน่นอนแล้ว
หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปแจ้งความและปรึกษา จ้าหน้าที่ทหาร และแจ้งมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิปวีณา และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอยู่ช่วงหนึ่งลูกสาวได้ส่งพิกัดมาว่าขณะนี้อยู่ที่จรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย จากนั้นอีก 10 นาทีได้โทร.กลับมาบอกพ่อว่าขณะนี้เขากำลังจะพาตัวไปกักไว้ที่อื่นอีก แล้วก็ขาดการติดต่อไป
ต่อมาเช้าของวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการติดต่อหาพ่ออีกครั้งพร้อมแชร์พิกัดว่าอยู่แถวอรุณอัมรินทร์ แต่ช่วงนี้เสียงของลูกสาวเปลี่ยนไป ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว พูดคุยเป็นปกติแต่ไม่ได้บอกพิกัดเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ตนเองรู้สึกแปลกใจมาก ทั้งที่การพูดคุยก่อนหน้านั้นมีเสียงหวาดกลัวคล้ายกับจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
นายฉลาดกล่าวต่อว่า ตนมั่นใจสาเหตุที่บุตรสาวถูกจับตัวไปครั้งนี้น่าจะมาจากการเล่นแคมฟรอก ซึ่งวันที่ 7 ก.ค.ลูกสาวเคยบอกว่าจะมีคนนำเงินมาให้ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าจัดรายการเป็นดีเจผ่านโปรแกรมแคมฟรอก ทำให้ตนมีความมั่นใจว่าประเด็นการหายตัวไปครั้งนี้น่าจะมาจากการล่อลวงผ่านโปรแกรมดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่และกำลังถูกย้ายตัวไปหลบซ่อนในที่ต่างๆ ในเขตภาคกลาง
“ขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือลูกสาวของผมพร้อมทั้งหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปด้วยตามเบาะแสที่ผมได้ให้ไป พร้อมทั้งขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดลบันดาลให้ได้พบลูกสาวโดยเร็วเถิด” นายฉลาดกล่าวอย่างทุกข์ใจ