ลพบุรี - ผอ.จัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 ลพบุรี เผยน้ำใน “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” อยู่ในสภาพวิกฤตหนัก เหลือน้ำแค่ 5% สามารถใช้อีก 30 วันเท่านั้น หลังฝนไม่ตก ไม่มีน้ำเข้าเขื่อนมานานกว่า 2 เดือน ขณะที่ผู้ว่าฯ ลพบุรี ยันปริมาณน้ำคลองชัยนาท-ป่าสัก เพียงพอ พร้อมสั่งชลประทานสูบน้ำจากประตูมโนรมเพิ่ม
นายอรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ขณะนี้ยังน่าเป็นห่วงหลังจากไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักเป็นเดือนที่ 2 เข้าสู่เดือนที่ 3 แล้วทำให้ปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือน้ำแค่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 5% ของความจุเต็ม 100% ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
แต่ทางเขื่อนยังจำเป็นต้องระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรักษาระบบนิเวศ และช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภคบริโภค ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะเหลือใช้ได้แค่ 30 วันเท่านั้น และจะแห้งขอดทันที หากยังไม่มีฝนตกลงมา หรือมีน้ำไหลเข้ามาจึงถือว่าเป็นช่วงวิกฤตมากของเขื่อนป่าสักฯ และเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะท้ายเขื่อนจะได้รับผลกระทบเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน
ด้าน นายธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ว่า ยังรุนแรงเนื่องจากฝนที่ตกลงมามีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร และเติมแหล่งน้ำ โดยเฉพาะการเติมน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก แม่น้ำสายหลักของการผลิตน้ำประปาจ่ายชาวบ้านเขตตัวเมืองลพบุรี ทำให้โรงสูบน้ำประปาภูมิภาคโคกกระเทียม มีปัญหาน้ำไม่พอจ่ายชาวบ้านเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา แต่ขณะนี้สามารถแก้ไขจนสามารถจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้านได้ครบหมดแล้ว
นายธนาคม ระบุด้วยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการน้ำจากประตูน้ำมโนรม ที่ทางสำนักชลประทานที่ 10 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก ได้วันละ 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 350,000 ลูกบาศก์เมตร รวมกับประตูน้ำระบายอีก 4 ลูกบาศก์เมตร รวมเป็น 8 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็นน้ำทั้งหมด 7 แสนลูกบาศก์เมตร มีชาวนาสูบน้ำเข้านาตลอดเส้นทางทำให้เหลือน้ำจริงแค่ 4-5 ลูกบาศก์เมตร หรือวันละ 3-4 แสนลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเสี่ยงว่าจะมีน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตประปา
ทางจังหวัดจึงได้สั่งให้ชลประทาน 10 นำเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าแรงดันสูงไปติดตังเพื่อสูบน้ำเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับน้ำเอาไว้ให้เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาจนถึงสิ้นเดือน คาดว่าหลังสิ้นเดือนจะมีฝนตกลงมาตามที่ทางอุตุนิยมคาดการณ์ทุกอย่างก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายอรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ขณะนี้ยังน่าเป็นห่วงหลังจากไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักเป็นเดือนที่ 2 เข้าสู่เดือนที่ 3 แล้วทำให้ปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือน้ำแค่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 5% ของความจุเต็ม 100% ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
แต่ทางเขื่อนยังจำเป็นต้องระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรักษาระบบนิเวศ และช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภคบริโภค ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะเหลือใช้ได้แค่ 30 วันเท่านั้น และจะแห้งขอดทันที หากยังไม่มีฝนตกลงมา หรือมีน้ำไหลเข้ามาจึงถือว่าเป็นช่วงวิกฤตมากของเขื่อนป่าสักฯ และเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะท้ายเขื่อนจะได้รับผลกระทบเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน
ด้าน นายธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ว่า ยังรุนแรงเนื่องจากฝนที่ตกลงมามีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร และเติมแหล่งน้ำ โดยเฉพาะการเติมน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก แม่น้ำสายหลักของการผลิตน้ำประปาจ่ายชาวบ้านเขตตัวเมืองลพบุรี ทำให้โรงสูบน้ำประปาภูมิภาคโคกกระเทียม มีปัญหาน้ำไม่พอจ่ายชาวบ้านเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา แต่ขณะนี้สามารถแก้ไขจนสามารถจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้านได้ครบหมดแล้ว
นายธนาคม ระบุด้วยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการน้ำจากประตูน้ำมโนรม ที่ทางสำนักชลประทานที่ 10 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก ได้วันละ 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 350,000 ลูกบาศก์เมตร รวมกับประตูน้ำระบายอีก 4 ลูกบาศก์เมตร รวมเป็น 8 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็นน้ำทั้งหมด 7 แสนลูกบาศก์เมตร มีชาวนาสูบน้ำเข้านาตลอดเส้นทางทำให้เหลือน้ำจริงแค่ 4-5 ลูกบาศก์เมตร หรือวันละ 3-4 แสนลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเสี่ยงว่าจะมีน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตประปา
ทางจังหวัดจึงได้สั่งให้ชลประทาน 10 นำเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าแรงดันสูงไปติดตังเพื่อสูบน้ำเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับน้ำเอาไว้ให้เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาจนถึงสิ้นเดือน คาดว่าหลังสิ้นเดือนจะมีฝนตกลงมาตามที่ทางอุตุนิยมคาดการณ์ทุกอย่างก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
