จันทบุรี - ชาวประมงยังออกเรือหาปลาน้อย ส่งผลกระทบอาหารทะเลต้องปรับราคาขึ้่น และรับจากจังหวัดอื่นมาขายแทน ขณะที่ชาวประมงอยากให้รัฐบาลทบทวน หรือแจงข้อกฎหมายให้ชัดเจน
วันนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจตามท่าเทียบเรือพบว่า เรือประมงใน จ.จันทบุรี ยังออกเรือหาปลาเป็นส่วนน้อย ส่งผลกระทบต่ออาหารทะเลในตลาดสดอำเภอแหลมสิงห์ เนื่องจากไม่มีอาหารทะเลป้อนส่งมาสู่พ่อค้าแม่ค้า ทำให้ปรับราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะปลากะพง จากเดิมขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 140 บาท ปัจจุบันขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 160 บาท
หมึกหอม จากเดิม 230 บาท ขึ้นเป็น 240 บาท และกุ้ง จาก 170 บาท เป็น 180 บาท นอกจากนี้อาหารทะเลบางชนิดได้ขาดตลาด ทำให้ต้องรับอาหารทะเลจากจังหวัดอื่นเข้ามาขายแทน ประกอบยอดการซื้อของผู้บริโภคลดลง จากเคยซื้อ 1 กิโลกรัม ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งกิโลกรัม ซึ่งผู้บริโภคก็รู้ และทราบว่า ในช่วงนี้เรือประมงไม่สามารถออกเรือได้
น.ส.อุษา นิยมผล แม่ค้าขายอาหารทะเล กล่าวว่า ราคาอาหารทะเลช่วงนี้ปรับาขึ้นแต่ขึ้นไม่มากแค่ 10-20 บาท ตอนนี้ราคายังนิ่งอยู่ๆ เพราะเรือจอดได้เพียง 4-5 วัน ยังพอมีอาหารทะเลขายอยู่ แต่เริ่มที่จะหายากแล้วส่วนใหญ่อาหารสัตว์น้ำที่นำมาขายจะเป็นพวกปลาเลี้ยงในบ่อ หรือกระชัง ปลาทะเลจะไม่มีขายเลย ตอนนี้ลูกค้า และประชาชนก็มีบ่นบ้าง แต่ลูกค้าและชาวบ้านก็เข้าใจว่าช่วงนี้ชาวประมงหาปลาไม่ได้
นายสมบัติ มีสติ ผู้ประกอบการเรือประมง กล่าวว่า การที่รัฐบาลได้ผ่อนผันให้ 15 วัน ต้องถามรัฐบาลก่อนว่า ให้เพื่ออะไร ให้ไปแก้ทุกอย่างที่ชาวประมงผิด หรือว่าให้ออกไปทำกินแล้วกลับมาจอดใหม่ ถ้าให้ชาวประมงแก้ในข้อที่ผิดก็ให้รัฐบาลบอกมาว่ามีอะไรนักที่ผิด และอะไรที่ชาวประมงขอให้รัฐบาลทำให้ ซึ่งรัฐบาลทำให้ได้ก่อนหรือเปล่า ในเมื่อรัฐบาลยังทำให้ชาวประมงไม่ได้จะทำอย่างไร ผ่อนผันไป 15 วัน ก็เหมือนเล่นเชิงกันอยู่กันเท่านั้น พอถึงเวลาก็ไล่จับ ถึงเวลาก็ผ่อนผันทำแบบนี้ชาวประมงจะทำอะไรกิน ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลทบทวน หรือแจงข้อกฎหมายให้ชัดเจน ไม่ใช่ทำเหมือนเช่นทุกวันนี้