นครปฐม - ศูนย์ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดนครปฐม จัดเวทีระดมสมอง “เป้าหมายร่วมของจังหวัดนครปฐมในอีก 20 ปีข้างหน้า” นำนักคิดหลากกลุ่มอาชีพเปิดใจ วางกรอบเมืองเจดีย์ใหญ่ ตั้งเป้าเริ่มที่ตัวเอง อย่ายกนักบุญใจบาปเป็นใหญ่ แสดงจุดยืนห่วงสิ่งแวดล้อม การปกครอง และวางจริยธรรมคนรุ่นใหม่
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ห้องประชุม SC101 อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ศูนย์ประสานงานภาคีเครือพัฒนาจังหวัดนครปฐม จัดเวที “เป้าหมายร่วมจังหวัดนครปฐม ในอีก 20 ปีข้างหน้า” โดยเชิญภาคประชาชน ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ องค์กรกลุ่มต่างๆ ที่หลากหลายทางความคิดเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ และสะท้อนปัญหาต่างๆ รวมถึงสิ่งที่ควรจะเกิดเป็นตัวชี้วัด และเป้าหมายที่จะเกิดขึ้นอีก 20 ปีข้างหน้าในจังหวัดนครปฐม
ผศ.ดร.เกศินี ประทุมสุวรรณ ประธานศูนย์ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การจัดเวทีแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีเป้าหมายครอบคลุม 6 ด้าน คือ 1.เศรษฐกิจ 2.สังคม 3.ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 4.ความสงบและความมั่นคงภายใน 5.การเมืองการปกครอง และ 6.คุณธรรมจริยธรรม ซึ่งจะนำข้อมูลที่นำมาถกประเด็นจากผู้ที่มาจากต่างสาขาอาชีพด้วยฐานข้อมูล (Face and Figure) โดยได้กำหนดเป้าหมายจาก 200 ตัวอย่าง เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลเชิงสถิติและเพื่อรวบรวมข้อมูล และสรุปแนวคิดเสนอต่อสาธารณะ
ทั้งนี้ นางยุพิน ดุษิยามี ประธานกรรมการจริยธรรมประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวในเวทีแสดงความคิดเห็นว่า สังคมปัจจุบันที่เกิดปัญหาต้องย้อนสะท้อนมองกลับมาที่ตัวเรา เพราะวันนี้อยู่ด้วยสังคมที่มีเส้นสายมีการใช้พวกมากเข้ามา รวมถึงการยกย่องนักบุญใจบาป และอีก 20 ปีข้างหน้าจะรุนแรงกว่านี้ เพราะแม้เราจะไม่ได้ทุจริตแต่เราเองก็นิยมชมชอบกลุ่มคนพวกนี้จริงหรือไม่ คือ ทำให้พวกเขามีเงินมีอำนาจ เรากลับไปยกย่องเขาเหล่านั้น วิธีแก้คือ เราต้องปรับที่ตัวเอง ต้องไม่ไปเคารพกลุ่มคนพวกนี้ ไม่แสดงการยกยอ หรือให้อำนาจคนพวกนี้มีมากเหนือกติกาในสังคม หากเราไม่สามารถทำอะไรในการแก้ไขได้ เราก็ควรใช้วิธีวางตัวเฉย อย่าทำผิด และไม่ต้องไปแสดงตัวยกย่องคนเหล่านั้น และเชื่อในความดี ซึ่งต้องเน้นการส่งเสริมจริยธรรมให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงมากขึ้นด้วย โดยเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบเอง ซึ่งหลังการแสดงแนวคิดเรียกเสียงปรบมือไปทั้งห้องประชุมดังกล่าว
ด้าน นายประเชิญ คนเทศ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดนครปฐม มีแหล่งโบราณสถานที่สำคัญมากมายสมควรที่จะต้องมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม และยังรวมไปถึงเรื่องการของการวางผังเมืองที่มีระบบ เพราะมีทั้งแหล่งน้ำที่สำคัญ และมีแม่น้ำสำคัญเช่น แม่น้ำนครชัยศรีไหลผ่าน และจังหวัดนครปฐม ยังมีความสำคัญในเรื่องการเป็นจุดสำคัญของเศรษฐกิจ 3 ขา ซึ่งมีความพร้อมในการพัฒนาจังหวัดเป็นที่อยู่อาศัย ของการเติบโตในท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งอสังหาริมทรัพย์กำลังจะเติบโตมาก การพัฒนาในหลายๆ ด้านจะต้องสอดคล้องกัน
ทั้งนี้ ในการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวยังได้มีการนำข้อมูลที่แสดงความห่วงใยในด้านสิ่งแวดล้อม การเมืองการปกครอง และด้านวิชาการ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ส่งนักวิชาการ และคณาจารย์ร่วมเก็บข้อมูลในเวทีดังกล่าวเพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลเชิงวิชาการในการจัดทำโครงการที่สอดคล้อง และต่อเนื่องเป็นรูปธรรมต่อไปอีกด้วย