xs
xsm
sm
md
lg

แล้งลามแรง! “น้ำอิง” นอนก้นลึก 2 นิ้ว-“เขื่อนสิริกิติ์” ยังแห้ง วัดร้าง 47 ปีโผล่เหนือน้ำซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - ภัยแล้งยังลุกลามขยายวงหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ล่าสุดน้ำอิงแห้งหนัก เหลือสายน้ำไหลรินลึกแค่ 2 นิ้ว กว้างเมตรเดียว รากต้นข้าวแห้งตาย 100% ขณะที่คนลำปางต้องร่วมลงแรงกั้นน้ำวังสูบใช้ ด้านระดับน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ยังลดต่อเนื่อง จนวัดร้างที่จมใต้น้ำมานาน 47 ปีโผล่พ้นผิวน้ำซ้ำ

วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภัยแล้งยังคงลุกลามขยายวงกว้าง แหล่งน้ำทั้งห้วย หนอง คลอง บึง และแม่น้ำสายต่างๆ ในหลายจังหวัดของภาคเหนือแห้งขอด ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ตลอดจนน้ำดื่ม น้ำใช้ของชาวบ้านรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยพบว่าชาวนา ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา กำลังเดือดร้อนจากฝนทิ้งช่วงมาเกือบ 2 เดือนอย่างหนัก ทำให้นาแห้ง-ต้นข้าวนอกเขตชลประทานแห้งตายหลายพันไร่ และกำลังทยอยตายเพิ่มขึ้นไม่หยุด เนื่องจากแม่น้ำอิงช่วงที่ไหลผ่าน ต.ลอ และใกล้เคียง รวมถึงแหล่งน้ำอื่นๆ แห้งขอดไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตร

นายสมชาย เข็มเพชร ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลเวียงลอ และนายผดุง วงศ์กา กำนัน ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา บอกว่า แม่น้ำอิงบริเวณบ้านน้ำจุน ช่วงสะพานข้ามแม่น้ำอิง เชื่อมต่อ ต.ลอ กับ ต.หงส์หิน แห้งขอด มีแต่สันดอนนูนขึ้นมา โดยมีกระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ก้นแม่น้ำฝั่งขวา ขนาดกว้าง 1 เมตร ระดับน้ำสูงจากผิวดินแค่ 2 นิ้ว

นางแอ คงสมบูรณ์ ชาวนาในพื้นที่ ต.ลอ ที่ใช้เวลาว่างออกหาปลาในแม่น้ำอิงบริเวณสะพานข้ามเชื่อมระหว่างตำบลลอกับตำบลหงส์หิน กล่าวว่า นาแห้ง ข้าวกำลังยืนต้นตาย จึงออกมาหาปลาเป็นรายได้นำไปสมทบค่าน้ำมันเพื่อใช้ในการสูบน้ำจากบ่อบาดาลที่ชาวบ้านช่วยกันลงขันขุด แต่ด้วยแม่น้ำอิงที่แห้งขอดส่งผลให้น้ำบ่อบาดาลสูบไม่ขึ้นด้วยเช่นกัน

“แม่น้ำอิงไม่เคยแห้งอย่างนี้มาก่อนหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้อยากให้รัฐบาลช่วยเพิ่มราคาข้าวขึ้นจากเดิมเพื่อมาชดเชยข้าวที่ตาย เพราะฉันปลูกข้าว 12 ไร่ ตอนนี้ตายไปแล้วกว่า 6 ไร่ พออยู่ว่างๆ ไม่มีรายได้ก็ออกมาหาปลาเดินไปตามร่องน้ำแต่ก็ไม่ค่อยได้ปลาเหมือนกัน”

นายสุเทพ ไข่ทา ชาวนานอกพื้นที่ชลประทาน ยังได้พาผู้สื่อข่าวไปดูแปลงนาของตนที่อยู่นอกเขตชลประทาน พบว่าข้าวแห้งตาย เมื่อดึงต้นข้าวขึ้นมาปรากฏว่ารากเหี่ยวเฉาตายโดยสิ้นเชิง ซึ่งนายสุเทพบอกว่าเมื่อข้าวตายชาวนาก็จะตายเหมือนกัน เพราะมีทั้งหนี้สิน ธ.ก.ส. รวมถึงหนี้นอกระบบจากการเครดิตปุ๋ยและอื่นๆ รุมเร้าอยู่

ส่วนที่ลำปาง ชาวบ้าน ต.ศาลา ต.วังพร้าว อ.เกาะคา จ.ลำปาง กว่า 300 คน ต้องพร้อมใจกันลงแรงเหลาไม้ให้แหลม ก่อนใช้ค้อนปอนด์ตอกกั้นกลางน้ำวังบริเวณหน้าเครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า ท่าน้ำเขตบ้านหนองแหวน หมู่ 4 ต.ศาลา ก่อนนำแผ่นตาข่ายถักเป็นรูปสี่เหลี่ยมเป็นกล่องเกเบียนวางหน้าแนวไม้ แล้วนำกระสอบทรายผสมปูนซีเมนต์ไปวางกั้นน้ำวังให้เพิ่มระดับสูงขึ้น พอที่เครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้สองตัวสามารถเดินเครื่องสูบน้ำไปใช้ในการอุปโภคบริโภครวมทั้งการเกษตรได้อีกครั้ง หลังจากที่ระดับน้ำในแม่น้ำวังลดลงจนเครื่องสูบน้ำไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตรและผลิตน้ำประปาใช้ในพื้นที่ดังกล่าวได้

ขณะที่เทศบาลตำบลศาลาและเทศบาลตำบลวังพร้าว สโมสรโรตารี่เชียงใหม่ใต้ สโมสรโรตารี่ดอยพระบาท สโมสรโรตารี่เมืองลำปาง และหน่วยงานท้องถิ่นฝ่ายปกครองอำเภอ อ.เกาะคา ก็ร่วมสนับสนุนงบประมาณกระสอบบรรจุทราย ปูนซีเมนต์ ไม้ที่ทำเสาหลัก อาหาร น้ำดื่ม ฯลฯ

ส่วนที่จังหวัดอุตรดิตถ์ วานนี้ (5 ก.ค.) นายเกียรติพันธ์ รังสีสาคร นายก อบต.ท่าปลา และนายรุ่ง สีมา นายก อบต.นางพญา อ.ท่าปลา พร้อมด้วยชาวบ้าน กว่า 100 คน พากันนำเครื่องเซ่นไหว้ ประกอบด้วย เครื่องบายศรี ผลไม้ หัวหมูต้ม ไก่ต้ม เหล้าขาว น้ำบริสุทธิ์ และดอกไม้ธูปเทียนจุดบูชา ลงเรือไปยังวัดร้างบ้านห้วยต้าใต้ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของท่าปลา

พร้อมกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเหล่าเทพเทวดา ขอพรให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ให้ชาวนาสามารถปลูกข้าวและได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ไม่ทุกข์ยาก หรือแล้งจนทำให้ชาวนาต้องเป็นหนี้สิน ขอให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญมาสู่คนท่าปลา และชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้นชาวบ้านได้นำธูปปักลงตรงซากวิหารของวัด

วัดร้างแห่งนี้มีชื่อเดิมว่า “วัดห้วยไชยศรี หรือวัดห้วยต้าใต้” มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีถาวรวัตถุ ประกอบด้วย ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ และวิหาร กระทั่งมีการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์เพื่อเก็บกักน้ำ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์และวิหารก็จมอยู่ใต้น้ำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 หรือเมื่อ 47 ปีที่ผ่านมา ถาวรวัตถุได้ผุพังไปตามกาลเวลา คงเหลือแต่เศษซากอิฐของวิหารและกำแพงวัด รวมถึงซากต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ซากต้นตาลที่อยู่คู่กับวัดให้ชาวบ้านได้พบเห็น

ปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ลดลงอย่างมาก ทำให้วัดร้างและวิหารโผล่พ้นน้ำเป็นปีที่ 3 จนชาวบ้านสามารถเดินทางเข้าไปกราบไหว้ และย้อนรำลึกอดีตเก่าที่เคยอาศัยอยู่มา เช่นเดียวกับคนต่างถิ่นทราบข่าววัดร้างแห่งนี้โผล่ขึ้นเหนือน้ำ ต่างก็ทยอยมาเที่ยว เพราะอยากเห็นสภาพวัดร้างที่เคยจมอยู่ในน้ำหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าจมอยู่ใต้บาดาลนานกว่า 47 ปี เมื่อโผล่พ้นน้ำจะมีสภาพเป็นอย่างไร และเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ควรมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

ด้าน พ.อ.วิรัตน์ นิสยันต์ รอง ผอ.กอ.รมน.จ.พิจิตร เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งใน จ.พิจิตร ขณะนี้ส่งผลถึงราษฎรที่อยู่ในชนบท เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอด ประปาหมู่บ้านหลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดิบที่จะใช้ทำน้ำประปา

ล่าสุดกำลังทหารได้ร่วมกับนายศักดิ์ณรงค์ วงค์สุพรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองยาง ต.วังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ทำการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อนำน้ำจากใต้ดินมาผลิตเป็นน้ำประปาหมู่บ้าน แจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว
















กำลังโหลดความคิดเห็น