นครพนม - พ่อเมืองพร้อมนายก อบต.บ้านผึ้งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีชาวนาวัย 70 ปีเครียดยิงตัวตาย พบสาเหตุหลักซึมเศร้า-ภรรยาเสียชีวิต ยันไม่มีภาระหนี้สิน สั่งพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบให้ความช่วยเหลือ ขณะสถานการณ์ภัยแล้งยังควบคุมได้ ด้านลูกชายยังไม่ปักใจเชื่อเครียดภัยแล้ง มุ่งปัญหาคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิต
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (2 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ด.ต.พิทักษ์ ต่อยอด นายก อบต.บ้านผึ้ง อ.เมือง นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวชาวนาวัย 71 ปียิงตัวตายจากความเครียดเรื่องปัญหาภัยแล้งกระทบนาข้าว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 1 ก.ค. บริเวณใกล้กระท่อมนา บ้านผึ้ง หมู่ 2 ต.บ้านผึ้ง ผู้เสียชีวิตคือ นายจันทา นรินทร์ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 2 ต.บ้านผึ้ง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบชันสูตรเก็บหลักฐาน พบผู้เสียชีวิตใช้อาวุธปืนแก็ปไทยประดิษฐ์ ยิงเข้าที่ตาซ้าย ซึ่งเชื่อว่าจะใช้นิ้วเท้าลั่นไกปืน
เบื้องต้นจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าผู้ตายมีบุตร 5 คน แต่ส่วนใหญ่ไปทำงานต่างจังหวัด มีอาศัยอยู่ด้วย 2 คน โดยผู้ตายจะอาศัยอยู่ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านมานานกว่า 3 ปีแล้วเพราะดูแลพื้นที่การเกษตร ทำนา เลี้ยงปลาให้ลูกชาย ซึ่งจะเทียวไปมาระหว่างหมู่บ้านห่างกันประมาณ 1 กม. ภรรยาผู้ตายคือ นางหนู นรินทร์ อายุ 72 ปี เสียชีวิตไปเมื่อกลางปี 56 ทำให้ผู้ตายอยู่คนเดียวลำพัง
ก่อนหน้านี้ทางญาติเคยได้ยินผู้ตายบ่นคิดถึงภรรยาตามประสาคนแก่ แต่ไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพแข็งแรง ดื่มเหล้าบ้างบางวัน แต่ไม่ถึงขั้นติดสุรา ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าผู้ตายยังเข้ามาในหมู่บ้านกินข้าวกับลูกชาย และเล่นกับหลาน ก่อนออกไปดูที่นาตามปกติ จนกระทั่งมีลูกหลานไปพบยิงตัวตายห่างเถียงนาประมาณ 30 เมตร
ส่วนสาเหตุทางญาติยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะมีความเครียดจากภัยแล้งถึงขั้นยิงตัวตาย แต่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องซึมเศร้าคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตมากกว่าที่อาจรุมเร้าจนเป็นความเครียด บวกกับสภาพดินฟ้าอากาศที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ห่วงลูกหลานขาดทุนจนเป็นหนี้สิน
นายชาญ นรินทร์ อายุ 40 ปี ลูกชายผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนพ่อเสียชีวิตได้เข้ามาบ้านพูดคุยปกติกับญาติพี่น้องก่อนออกไปดูไร่นา บ่อเลี้ยงปลาตามกิจวัตรประจำวันตามประสาคนแก่ ซึ่งมีที่นาใกล้หมู่บ้าน 18 ไร่ พ่อจึงออกไปนอนเฝ้านาหลังแม่ตายไปได้เกือบ 2 ปี โดยได้นำกระดูกแม่ไปตั้งศาลเก็บรักษาไว้รอทำบุญสิ้นปีนี้เนื่องจากยังไม่พร้อม
ส่วนปัญหาครอบครัวนั้นยืนยันไม่มีเลย ทั้งเรื่องภาระหนี้สินเงินกู้ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งทางลูกหลานยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีบางครั้งตั้งแต่แม่เสียพ่อจะบ่นคิดถึงตามประสาคนแก่ อาจจะเป็นสาเหตุให้คิดสั้นเวลาเมาเหล้า และอาจเกิดความเครียด ส่วนเรื่องภัยแล้งยอมรับว่าปีนี้ได้รับผลกระทบจริง พื้นที่นากำลังประสบปัญหา ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ต้องแบกภาระสูบน้ำเข้าเลี้ยงต้นข้าวที่เหี่ยวตาย แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นเหตุถึงขั้นให้พ่อฆ่าตัวตาย
ส่วนนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อช่วยเหลือหากประสบความเดือดร้อน แต่จากการสอบถามเชื่อว่าปัญหาภัยแล้งไม่ใช่ต้นเหตุถึงขั้นจะทำให้ฆ่าตัวตาย แต่มีปัญหาหลักคือ เรื่องซึมเศร้าคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตตามประสาคนแก่
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องปัญหาภัยแล้งในปีนี้ค่อนข้างได้รับผลกระทบสูงเนื่องจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล แต่ทางจังหวัดได้เร่งประสานงานไปยังทุกหน่วยงานทั้ง 12 อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนหมู่บ้าน ทำการสำรวจให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง หากพบพื้นที่ใดได้รับผลกระทบเรามีความพร้อมนำเครื่องสูบน้ำรถน้ำเข้าไปดูแลบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนต่อเนื่อง
ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค น้ำการเกษตร แต่ปัจจุบันยังสามารถดูแลควบคุมได้ ไม่ถึงวิกฤต อาจมีบางพื้นที่ทำนานอกระบบชลประทานที่กระทบหนัก แต่ฝากประชาสัมพันธ์ให้ตรวจสอบก่อนเพาะปลูก ซึ่งทางจังหวัดได้มีการวางแผนรับมือ พร้อมเตือนเกษตรกรให้ชะลอการทำนาปีในพื้นที่ไม่มีระบบชลประทาน และหากเดือดร้อนในเรื่องภาระหนี้สิน หรืออาจเป็นที่มาของความเครียดจากการขาดทุน ทำการเกษตร ทางจังหวัดมีหน่วยงานดูแลช่วยเหลือ สามารถติดต่อรับการช่วยเหลือได้ทุกอำเภอ