ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักข่าวสัตหีบตีแผ่ความจริงเรื่องเด็กพลอดรักหน้าศูนย์ราชการ กลับถูกนักเลงคีย์บอร์ด “ซูกัส พลอย ฮอตเมล” โพสต์เฟซบุ๊กทำทีเป็นแม่พระใจบุญ กล่าวหานักข่าวทำลายอนาคตเด็ก แจ้งความหมิ่นประมาท จนเสื่อมเสียต่อหน้าที่การงาน ตำรวจเตรียมเรียกสอบหากผิดจริงต้องก้มหน้ารับอาญาทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (25 มิ.ย.) นายณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่ง ประจำอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี และเจ้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสัตหีบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ธนัช ศรีประมาณ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.กานตา หรือพลอย กฤษดี อายุ 25 ปี เจ้าของ FACEBOOK ชื่อ ซูกัส พลอย ฮอตเมล ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังประจักษ์ด้วยหลักฐานที่นำมายื่นต่อเจ้าพนักงานในการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายณัฐภูมินทร์ เปิดเผยว่า มีอาชีพเป็นนักข่าว ประกอบกับเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด และเป็นข้าราชการทหารเรือใน อ.สัตหีบ กระทั่งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้นำเสนอข่าวสารภาพ และข้อมูลดังความเป็นจริงเรื่องนักเรียนพลอดรักกันหน้าศูนย์ราชการ ผ่านทาง FACEBOOK ชื่อ ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ หรือป๊อปพิฆาตชายฝั่ง ด้วยเหตุที่เด็กยังเป็นเยาวชน ได้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยมีการปิดบังใบหน้า สถานะ และสถาบันของนักเรียนที่ตกเป็นข่าว เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียตามมา เนื้อหาต้องการให้สถานศึกษา และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้นำไปแก้ปัญหาให้เด็กมีทัศนคติที่ดี ไม่กระทำสิ่งที่ผิดจนนำไปสู่การทำลายอนาคตตัวเอง
และเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.58 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.อำเภอสัตหีบ บัตรเลขที่ 07/2558 ทำงานภายใต้คำสั่งนายอำเภอสัตหีบ เข้าเป็นสายทำการสืบเสาะภายในร้านเกมหักดิบ 2 หลังตรวจพบไม่มีใบอนุญาต ปล่อยเด็กที่หนีโรงเรียน และเยาวชนอายุ 15-18 ปี เข้าไปใช้บริการโดยผิดกฎหมาย จึงได้นำโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพถ่าย และวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งให้ชุดทำงานเข้าจับกุม
ต่อมา น.ส.พลอย ได้ทำการโพสต์ข้อความมากมายพร้อมเอาคลิปขณะปฏิบัติหน้าที่ไปโพสต์ตีแผ่ในโลกโซเชียลโดยความหมายไปในทางหมิ่นประมาท เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียง และหน้าที่การงาน ทำให้ผู้คนมากมายเข้าใจผิด มีการโพสต์ข้อความหยาบคาย ดูหมิ่น ซึ่งพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบการทำงาน หากผิดก็พร้อมรับผิด แต่หากสิ่งที่ทำไปแล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ก็ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
ด้าน ร.ต.ท.ธนัช กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน และเรียกฝ่ายคู่กรณีที่โพสต์โจมตีมาสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทจริง และถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) การหมิ่นประมาทออนไลน์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ขณะที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณามีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ถือเป็นความผิดที่มีโทษสูงมาก