เชียงราย - รอง ผบ.สส. และ ผบ.ทบ.พม่า ยกคณะเข้าท่าขี้เหล็ก เปิดเจรจากองกำลังว้า หลังกำลังทหารทั้งสองฝ่ายยังเผชิญหน้าติดชายแดนไทย ทำบรรยากาศตามแนวชายแดนตึงเครียดต่อเนื่อง ขณะที่กองกำลังว้ายื่นข้อเสนอแรง ขอตั้งเขตปกครองตนเอง “เมืองสาด”
วันนี้ (22 มิ.ย.) รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า แจ้งว่า พล.อ.โซ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของกองทัพพม่า ได้เดินทางมาที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเจรจากับตัวแทนของกองกำลังว้า ชนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 ทางภาคตะวันตกของรัฐฉาน
หลังทั้งสองฝ่ายส่งกำลังทหารเข้าเผชิญหน้ากันโดยเฉพาะในเขตเมืองโต๋น จ.เมืองสาด ใกล้ชายแดน จ.เชียงใหม่ โดยพม่ามีการระดมกำลังกองทัพภาคสามเหลี่ยม ซึ่งมีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองเชียงตุง เข้าพื้นที่เมืองโต๋น และเมืองจ๊อตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายว้านอกจากจะระดมกำลังจาก บก.46 ที่เมืองยอน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของว้าภาคใต้แล้ว ยังมีกำลังจากว้าภาคเหนือ ใกล้ชายแดนจีนลงมาสมทบด้วย ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เบื้องต้นนี้ทางกองกำลังว้าต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดดังกล่าวด้วยการปรับระบบการปกครองพื้นที่ จ.เมืองสาด โดยการให้พื้นที่ จ.เมืองสาดเป็นเขตปกครองตนเอง คล้ายเขตปกครองพิเศษที่ 4 เมืองลา ที่ทางการพม่าให้สิทธิ์ในการปกครอง และพัฒนาเศรษฐกิจค่อนข้างอิสระ แต่กองทัพภาคสามเหลี่ยม ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่รัฐฉานไม่สามารถยอมรับได้ ส่งผลให้กลุ่มว้าไม่ต้องการเจราจากับกองทัพพม่าในระดับภูมิภาคอีกต่อไป และทำให้ พล.อ.โซ วิน ต้องเดินทางมาเจรจาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของพม่าระบุว่า การเจรจาคงไม่ได้ข้อยุติในเร็ววัน โดยหลังจากผู้บริหารระดับสูงวางกรอบการเจรจากันแล้ว ก็จะมีการเจราจาและตกลงกันในรายละเอียด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15-30 วัน
ทั้งนี้ หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ สถานการณ์ความตึงเครียดตามพื้นที่ชายแดนด้านนี้ก็จะลดลง แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็อาจเกิดการปะทะขึ้นได้เช่นกัน เพราะในระยะที่ผ่านมาทางการพม่าก็เริ่มเข้าไปควบคุมกิจการต่างๆ ของกลุ่มว้าใน จ.ท่าขี้เหล็ก รวมทั้งอาจกระทบไปถึงกิจการของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของเอกชนไทยบางส่วนด้วย
ก่อนหน้านี้ยังมีรายงานด้วยว่า พม่าได้ส่งกำลังทหารอย่างน้อย 2 กองร้อยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่เมืองโต๋น และตั้งฐานที่มั่นโดยการขุดสนามเพาะเอาไว้ตลอดแนว ทั้งๆ ที่บริเวณดังกล่าวเคยเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มว้า และมูเซอ รวมทั้งได้มีการเรียกทหารอาสาสมัครกลุ่มมูเซอซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มหนึ่งตามแนวชายแดนไทย-พม่า จากบ้านนายาว เมืองไฮ ประมาณ 300 นาย เข้าเสริมทัพ จนมีรายงานว่าเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มมูเซอจากกองพัน 1007 ปะทะกับทหารว้าขึ้นจริงบริเวณดอยกิลี เป็นผลทำให้ทหารว้าเสียชีวิตจำนวน 3 นาย และถูกจับได้จำนวน 13 นายด้วย
