อ่างทอง - คนร้ายบุกยิงทหารยศ “จ่าสิบเอก” เสียชีวิตพร้อมภรรยาในกระท่อมกลางทุ่งนา ในพื้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ตำรวจเร่งหาตัวคนร้าย พุ่งประเด็นไปที่ประสงค์ต่อทรัพย์ และอาจมาจากเรื่องความแค้นส่วนตัว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) ร.ต.ท.ทองคำ โพธิ์ใหญ่ ร้อยเวร สภ.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงตายอยู่ภายในโรงนาไม่มีเลขที่ กลางทุ่งนา ม.2 ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ชูเดช กองกันภัย พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ รอง ผบก.พ.ต.ท.บุญส่ง ห้องแซง สวญ.สภ.บางบางจำ พ.ต.ท.โสภณ สารสุวรรณ พงส.ผนพ.พร้อมกำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ พฐ.จ.อ่างทอง ร่วมกับ นพ.มีโชคชัย วิเศษสิทธิโชค แพทย์เวร รพ.วิเศษชัยชาญ และมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมทั้งมูลนิธิการกุศลวิเศษไชยชาญ
ในที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมโรงนาชั้นเดียวมุงสังกะสี ตั้งอยู่กลางนาข้าว และมีบ่อปลาอยู่ด้านข้าง กลางทุ่งนาห่างไกลบ้านเรือนผู้คน ที่ประตูเข้าด้านหน้า และด้านหลังมีสายยางมัดล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา เจ้าหน้าที่ต้องแก้ออก และเข้าไปตรวจสอบภายในโรงนา พบศพ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ เกิดทรัพย์ อายุ 58 ปี ทหารสังกัด ป.31 รอ.
สภาพศพนุ่งผ่าขนหนูผืนเดียวไม่สวมเสื้อ มีผ้าห่มคลุมหน้าอก ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยนอนตายจมกองเลือด โดยมีศพ นางอรุณ เกิดทรัพย์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 ม.8 ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นเมียเสียชีวิตอยู่ในสภาพศพนุ่งผ้าถุงลาย สวมเสื้อคอกระเช้าสีฟ้านอนคว่ำหน้าทับอยู่บนร่างของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าที่คอทะลุสบักหลังด้านซ้าย นอนตายอยู่ในมุ้งที่ยังกางอยู่และมีรอยกระสุนปืนทะลุ 3 รู
นอกจากนั้น พบรอยกระสุนทะลุผนังบ้านด้านบ่อปลา และพื้นเตียงนอน จากการตรวจสอบพบว่า สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง อาวุธปืนพกประจำกายขนาด 11 มม.รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีฟ้า ไม่ทราบทะเบียน ของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ และสร้อยคอนาคหนัก 2 บาทของนางอรุณ หายไป ส่วนกระเป๋าสะพายซึ่งมีเงินสดกว่า 1 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งรถจักรยานสองล้อ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องตัดหญ้าที่วางอยู่คนร้ายไม่ได้เอาไปด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวานนี้ หลังจาก จ.ส.อ.สุรศักดิ์ กลับจากที่ทำงานถึงบ้าน แล้วกินข้าวอาบน้ำเสร็จจึงได้ขับรถจักรยานยนต์พานางอรุณ ซึ่งเป็นเมียซ้อนท้ายออกมานอนเฝ้านา และบ่อปลาที่เลี้ยงไว้ในที่เกิดเหตุ
จนกระทั่งช่วงเที่ยง นางวิลาวรรณ ขยาย อายุ 47 ปี น้องสาวนางอรุณ ที่มีบ้านอยู่ติดกัน และนัดกันไว้ว่าจะไปช่วยงานศพเพื่อนบ้านยังไม่เห็นพี่สาวกลับมาจากนา จึงได้โทรศัพท์ไปตาม แต่ปรากฏว่า โทร.ติดแต่ไม่มีคนรับสาย จึงเอะใจขับรถจักรยานยนต์ออกไปดูที่โรงนา ก็ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อพบว่า ทั้งคู่ถูกฆ่าโหดตายคามุ้งอยู่ จึงรีบแจ้งตำรวจดังกล่าว
พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานให้การว่าได้ยินเสียงปืนประมาณเที่ยงคืน และเมื่อนำมาประมวลกับการตรวจสภาพที่เกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายซึ่งเชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 2 คน และรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายจึงได้มีการวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี โดยรอเวลาให้ผู้ตายที่มานอนเฝ้านา และบ่อปลาในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวห่างไกลบ้านเรือนผู้อื่นหลับไปเสียก่อน จึงได้แอบย่องเข้ามาใช้สายยางรัดประตูด้านนอก ทั้งประตูหน้า และประตูด้านหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายออกมาต่อสู้ได้
จากนั้นจึงได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงเจาะโหนกแก้มซ้ายของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ ที่กำลังนอนหลับสนิทผ่านทางช่องไม้ระแนงฝาผนังซึ่งห่างจากร่างผู้ตายเพียง 1 เมตร จนตายคาที่ ขณะนั้นนางอรุณ ซึ่งตกใจตื่นจากเสียงปืนพอเห็นสามีถูกยิงตายไปต่อหน้า จึงรีบลุกขึ้นเพื่อหนีตายคนร้ายจึงจ่อยิงซ้ำกระสุนนัดแรกพลาดทะลุฝาผนังอีกด้าน จึงจ่อยิงอีกนัดกระสุนเจาะเข้าที่คอทะลุหลังล้มคว่ำหน้าทับร่างสามีเสียชีวิตคาที่ไปอีกคน
จากนั้นคนร้ายจึงได้เข้าไปปลดเอาทรัพย์สินมีค่า และอาวุธปืนในเป้ของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ ก่อนออกไปมัดประตูเอาไว้ และขับรถตักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทั้งคู่ถูกสังหารครั้งนี้ เบื้องต้น พุ่งประเด็นไปที่คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนอีกประเด็นอาจมาจากเรื่องความแค้นส่วนตัว หลังคนร้ายลงมือสำเร็จแล้วจึงได้เอาทรัพย์สินไปด้วยเป็นของแถมเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งจะได้เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
