น่าน - “ชาวประมงปากนาย” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเมืองน่าน เหนือเขื่อนสิริกิติ์ อยู่ในสภาพแพแตก ทิ้งแพขึ้นฝั่ง-อพยพหนีไปทำมาหากินที่อื่นชั่วคราว หลังทะเลสาบปากนายแห้งขอดติดดิน น้ำเน่า-ปลาหาย ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ จนผดผื่นขึ้นเต็มตัวกันทั่วหน้า
วันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่ในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่าน ยังคงประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยเฉพาะที่หมู่บ้านประมงปากนาย หมู่ 17 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน ชาวบ้านจำนวน 119 หลังคาเรือน กว่า 400 ราย ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ และยึดอาชีพทำประมงมาตลอด กำลังเดือดร้อนหนัก
เนื่องจากระดับน้ำบริเวณปากนายที่เคยรับน้ำล้นจากเขื่อนสิริกิติ์จนเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ลดลงจนติดพื้นดินส่งผลให้แพที่ใช้อาศัยเหมือนบ้านแตกพัง หลายรายต้องทิ้งแพหนีขึ้นไปอยู่บ้านญาติบนฝั่ง โป๊ะข้ามฟาก-แพขนานยนต์ต้องประกาศงดบริการไม่มีกำหนด อีกทั้งน้ำที่เหลือก็เริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น ชาวบ้านมีผดผื่นขึ้นตามตัว เนื่องจากขาดน้ำสะอาด และฝูงปลาธรรมชาติก็เริ่มหายจนต้องทิ้งอาชีพประมงกันแล้ว
นายสนธยา แย้มขยาย อายุ 43 ปี สมาชิก อบต.นาทะนุง กล่าวว่า ปีนี้แล้งหนักและรุนแรง ระดับน้ำลดลงรวดเร็ว และต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงตอนนี้น้ำลดลงไปแล้วกว่า 100 เมตร เห็นได้จากพื้นดิน และซากต้นไม้ใต้น้ำขนาดใหญ่หลายต้นโผล่ขึ้นให้ได้เห็นหลังน้ำลดจำนวนมาก
นอกจากนี้ ระดับน้ำที่ลดลงยังได้ส่งผลให้แพที่ชาวบ้านปากนายใช้เป็นบ้านพักอาศัยอยู่ตามริมน้ำ และแพร้านอาหาร แตก-พัง เพราะน้ำแห้งจนติดดิน ทำให้หลายครอบครัวได้ทิ้งบ้านไปขออาศัยบ้านญาติอยู่บนฝั่งแทน ขณะที่อีกจำนวนหนึ่งต้องอพยพหนีภัยแล้งลากแพล่องไปกับน้ำไปอยู่เหนือเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งยังพอมีน้ำอยู่ เพื่อรอให้ฝนตกและระดับน้ำสูงขึ้นจึงจะกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่นายเสกสรร แย้มขยาย อายุ 50 ปี เจ้าของท่าโป๊ะ ได้ประกาศงดบริการข้ามฟากไปยัง อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากน้ำลดต่ำจนติดดิน ไม่สามารถลากโป๊ะไปได้ และด้วยน้ำที่ลดลงจนเหลือน้อยทำให้ระบบนิเวศน้ำไม่ดี น้ำเริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่า ชาวบ้านที่ยังไม่ย้ายหนี ขาดแคลนน้ำสะอาดใช้ ผิวหนังตามตัวก็เริ่มขึ้นตุ่มผดผื่นคันไปทั่วตัว ส่วนน้ำดื่มนั้นต้องไปซื้อจากข้างนอกมาดื่มกิน
“นอกจากแพพังแล้ว อาชีพประมงของชาวบ้านปากนายก็กำลังประสบปัญหา หาปลาไม่ได้เหมือนเดิมที่ได้ปลากันมากกว่า 200 กิโลกรัมต่อวัน ตอนนี้วันๆ หนึ่งหาไม่ได้ถึง 10 กก. และก็มีแต่ปลาซิวปลาสร้อย ส่วนปลาขนาดใหญ่ที่นิยม เช่น ปลากด ปลาบู่ ปลาคัง ปลาแรด ปลาทับทิม ก็ไม่มี จนชาวบ้านที่ทำอาชีพประมงเริ่มทิ้งอาชีพเดิม ย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินที่จังหวัดอื่นๆ แทน”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนที่ยังเหลือใช้ชีวิตริมน้ำปากนายต่างคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งแบ่งปันน้ำดื่ม ยาทาผิวหนัง และคาดหวังว่าระดับน้ำจะไม่ลดลงมากกว่านี้อีก เพราะถ้าน้ำยังลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นนี้จนถึงเดือนหน้า คงจะไม่สามารถอยู่ที่นี่กันได้อีกแล้ว คงต้องทิ้งแพและหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่นแทนเช่นกัน
สำหรับหมู่บ้านประมงปากนายนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน เดิมเป็นหมู่บ้านริมแม่น้ำน่าน หลังการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ หมู่บ้านปากนายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ที่มีลักษณะเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจี ชาวบ้านปากนายประกอบอาชีพประมง มีแพร้านอาหารให้เลือกชิมปลาจากเขื่อน เช่น ปลากด ปลาบู่ ปลาคัง ปลาแรด ปลาทับทิม เป็นต้น และบางแห่งทำเป็นห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยว
โดยนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือล่องไปตามลำน้ำน่าน จากบ้านปากนาย ไปถึงอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีทิวทัศน์เป็นป่าเขาสวยงาม เกาะแก่ง เรือนแพ ชาวประมง ในช่วงนอกฤดูฝน จะมีแพลากไปวัดปากนาย สามารถนั่งรับประทานอาหารบนเรือได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และมีแพขนานยนต์ข้ามฟากไปยัง อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ได้อีกด้วย