ตราด - ทหารเรือกัมพูชาจับเรือประมงไทย 3 ลำ เรียกค่าไถ่ 3.3 ล้าน อ้างรุกน่านน้ำจับปลาผิดกฎหมายม ระบุทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงขู่ให้นำเรือเข้าน่านน้ำ เพื่อเรียกเงินจากเจ้าของเรือ
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ท่าเรือชลาลัย ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายชัยณรงค์ นันทสิน ไต๋เรือโชคทำดี 78 และผู้จัดการเรือเกรียงไกร 20 ของนางสุนี อ่อนละมุน เจ้าของเรือเกรียงไกร 20 และเรือเกรียงไกร 15 ที่ถูกทหารเรือจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชาจับกุม เปิดเผยว่า ระหว่างที่เรือเกรียงไกร 20 เรือเกรียงไกร 15 และเรือ ก ธนาโชค 8 กำลังลอยเรือทำประมงในพื้นที่ทะเลห่างจากจากเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด ประมาณ 50 ไมล์ทะเลใต้เกาะกูด (หรือตำแหน่ง แลต 10 องศา 43 ลิบดาเหนือ, ลอง 101 องศา 49 ลิปดาตะวันออก) ที่เป็นน่านน้ำของไทย ในคืนวันที่ 9 มิ.ย.58 เวลา 24.00 น. ได้ถูกทหารเรือ จ.เกาะกง ขับเรือเร็ว 3 เครื่องยนต์เข้ามาจับกุมเรือเกรียงไกร 20 และทหารเรือ 3 คน พร้อมอาวุธปืนอาก้าเข้าทำการจี้ไต๋เรือพร้อมบังคับไม่ให้ใช้เครื่องมือสื่อสาร และได้บังคับให้ขับเรือเข้าในพื้นที่น่านน้ำกัมพูชา
จากนั้นเรือเร็วของกัมพูชาลำเดียวกันยังได้ไปยึดเรือเกรียงไกร 15 และเรือ ก ธนาโชค 8 ของนายวิสิฐษ์ โชคนาวีสกุลลักษณ์ ไปอีก พร้อมบังคับเรือประมงทั้ง 3 ลำ ออกไปยังน่านน้ำกัมพูชา ซึ่งเรือประมงใกล้กันเมื่อทราบหลังจากไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้แจ้งให้ นางสุนี อ่อนละมุน ทราบ และได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากทหารเรือภาคที่ 1 แต่ได้รับการประสานงานกลับมาว่าไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ทัน อีกทั้งยังได้ขอเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับเรือประมงซึ่งในเวลานั้นเกินเวลาเที่ยงคืนไม่สามารถหาเอกสารให้ได้
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนั้นเรือทั้ง 3 ลำ ถูกนำไปจอดที่บริเวณที่เรียกว่า อ่าวสลาตัน ใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา และทางผู้บังคับหน่วยได้ให้ทางไต๋เรือทั้ง 3 ลำแจ้งไปที่เจ้าของว่าได้เข้ามาทำประมงในน่านน้ำกัมพูชา และถูกจับ และถูกเรียกร้องให้นำเงินมาจ่ายค่าปรับ 1.3 ล้านบาท/ลำ (ค่าไถ่) ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ทำให้เจ้าของเรือประมงไม่สามารถดำเนินการอย่างไรต่อไปได้ เนื่องจากยังต้องทำกินอยู่ในพื้นที่นี้อีก จึงได้ต่อรองขอลดค่าปรับเหลือ 1.1 ล้านบาท/ลำ ซึ่งเจ้าของเรือทั้ง 3 ลำได้นำเงินไปชำระแล้วในวันนี้ และเรือทั้ง 3 ลำ ได้ถูกปล่อยออกมาจากอ่าวสลาตันแล้ว โดยให้นายมอน ที่เป็นคนไทยเกาะกง เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่
ด้าน นางสุนี อ่อนละมุน เจ้าของเรือทั้ง 2 ลำ ซึ่งอยู่ที่ปากน้ำระยอง อ.เมือง จ.ระยอง กล่าวว่า เสียใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา ทำประมงอย่างถูกต้องมาตลอด หากทำผิดและถูกจับจะยอมรับ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ เพราะเรือประมงของเราทำประมงในเขตไทย เมื่อถูกจับจึงถูกบังคับให้เข้าไปในน่านน้ำกัมพูชา ซึ่งเรือทหารกัมพูชาต้องการเรียกค่าไถ่มากกว่า ขณะนี้อยากให้ทางทหารเรือไทยเข้าทำการคุ้มครองเรือประมงของไทยไม่ให้ถูกจับกุมอย่างไม่ถูกต้องโดยการจอดเรือป้องกันเหมือนที่เรือกัมพูชาทำ เพราะที่ผ่านมา แม้จะขอความช่วยเหลือจากเรือทหารเรือที่อยู่ใกล้กับเกาะกูด แต่ไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ประสานกับ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (บ้านหาดเล็ก) ที่ดูแลบริเวณน่านน้ำไทยด้าน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด แต่ได้รับการแจ้งให้สัมภาษณ์ ผบ.มชด/1 ซึ่งหลังจากการประสานไปแล้วได้แจ้งให้ติดต่อกับกองกิจการพลเรือน ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เนื่องจากทหารระดับล่างไม่สามารถให้ข้อมูลได้