ตราด-ทหารเรือกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่และต่างจังหวัด ลงตรวจเรือประมงที่ทําผิดกฎหมายและว่ากล่าวตักเตือน ผู้ประกอบการประมงบอกยอมรับมีผลกระทบแต่ต้องปฏบัติ
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือชลาลัย นาวาเอกสําเริง จันทร์โส รองเสนาธิการทัพเรือภาค 1 เป็นประธานปล่อยแถวลงตรวจเรือประมงที่จอดเทียบท่าและออกตรวจกลางทะเล โดยได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เป็น 3 ชุด ชุดเรือ ต.229 ชุดเรือตรวจการตํารวจนํ้าและเรือยาง และตรวจบนบก โดยมีหน่วยงานกรมเจ้า ตํารวจนํ้า สวัสติการแรงงาน จ.ตราด ประมงคลองใหญ่ และตัวแทนประมง 4 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมลงพื้นที่ท่าเทียบเรือในเขตท่าเรือต่างในตําบลหาดเล็ก ในการตรวจสอบเรือทุกประเภทในพื้นที่บ้านคลองสน
ส่วนการตรวจตามท่าเรือทางฝ่ายทหารเรือได้มอบหมายให้ เรือเอก พายับ อ่อนธนู ประจํากองยุทธการทัพเรือภาคที่ 1 ลงตรวจตามท่าเทียบเรือต่างๆ โดยมีนายธนิต พูลทอง ประมงอำเภอคลองใหญ่ หน่วยงานสวัสติการแรงงานจังหวัดตราด กรมเจ้าท่า ได้ร่วมกันตรวจเรือตามท่าเรือ เรียกตรวจเอกสารการควบคุมเรือและใบอนุญาตการทําประมง การจดทะเบียนเรือ การออกใบอนุญาตผู้ประกอบการการด้านประมงทะเล ใบทะเบียนเรือไทย ใบอนุญาตใช้เรือ
นาวาเอกสําเริง ยังได้กล่าวว่าในการตรวจในครั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเอกสารควบคุมเรือถูกต้องหรือไม่หากพบว่าไม่ถูกต้องได้ทำการตักเตือนและชี้แนะนําแนวทางให้ไปดำเนินการให้เรียบร้อยภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะเจ้าหน้าที่จะเอาจริงเอาจังกับเรือทุกชนิดที่ไม่ทําตามกฎระเบียบที่ คสช.ระบุไว้ และพบว่าเรือประมงมีใบอนุญาตขาดและหมดอายุ และบางลําก็ยังไม่พร้อมและไม่ถูกต้องจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนและกำชับให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2558 นี้
ด้านนายดนุพัฒน์ จักรรัตน์สมบัติ เป็นผู้ประกอบการประมงและจ้างแรงงาน ได้กล่าวว่าก็มีผลกระทบเหมือนกันในทางที่ คสช.หรือในการออกกฏหมายแบบใหม่ของการทําประมงแบบ IUU แต่ก็ยินดีและยอมรับกฏหมายฉบับใหม่ ซึ่งก็ดีอย่างเสียอย่างเพราะปัจจุบันคนไทยไม่ทำอาชีพเป็นลูกเรือประมงแล้วและใช้แรงงานต่างด้าวเป็นหลัก และต่อไปต้องเข้าระบบแน่นอน
ก่อนหน้านี้ นาวาเอกสําเริง จันทร์โส ได้เข้ามาเรียกประชุมผู้ประกอบการประมงในอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด ตามคำสั่งของพลเรือเอก วัลลภ ตมิศานนท์ หัวหน้าคณะทํางานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช.ด้านการประมงภายใต้อนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ของ คสช. และกองทัพเรือในฐานนะศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยกําหนดให้มีการแจ้งการเข้า ออก ท่าเรือของประมงไทยตามคำสั่งคสช.ที่ประกาศเพื่อแก้ปัญหาด้านการประมงทำประมงที่ผิดกฏหมาย (IUU) เช่น การจดทะเบียนเรือประมงและออกใบอนุญาตการทําการประมง การควบคุมและการเฝ้าระวังการทําประมง การจัดระบบติดตามตําแหน่งเรือ(VMS) การปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมง และกฏหมายลําดับรอง การทําแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทําประมงที่ผิดกฏหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม
ทั้งนี้หากสามารถดําเนินการได้ตามแผนงาน จะทําให้สามารถควบคุม ติดตามเรือประมงได้ และกํากับดูแลผู้ประกอบการประมงให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐและสหภาพยุโรปในระยะยาวต่อไป จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือชลาลัยดูปัญหาของผูประกอบการท่าเรือและปัญหาต่างๆ
