ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวชุมชน ณ วันดี สัตหีบ ย้ายบ้านหนี หลังประสบปัญหามูลหมา แมวเหม็นคลุ้ง เจ้าของอ้างหน้าตาเฉยรักสัตว์ แต่กลับพาลูกหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะเหม็นเหมือนกัน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) นายอภิชาติ จันทร์แจ่ม ปลัดอำเภอฝ่ายอำนวยความเป็นธรรม ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นางสมพร พุ่มเกษม ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ น.ส.รัดใจ บัณฑิตศิลป์ กำนันตำบลสัตหีบ และนายวันชัย ณ วันดี สารวัตรกำนัน ได้เข้าตรวจสอบบ้านของ นางศศิธร พิทักษ์ อายุ 52 ปี เลขที่ 27/54 หมู่บ้านเคหะนคร ชุมชน ณ วันดี ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ หลังชาวบ้านรวมตัวร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม กรณีได้รับความเดือดร้อนกลิ่นเหม็นจากมูลหมา และแมวที่เลี้ยงไว้
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า กลุ่มเจ้าทุกข์กว่า 10 หลังคาเรือน มี น.ส.เนตรนภา แก้วกอง อายุ 48 ปี เป็นตัวแทนกลุ่มกำลังอยู่ในอาการไม่พอใจ ประทะคารมอย่างรุนแรงกับฝ่ายคู่กรณี ทำเอาทุกฝ่ายต้องวุ่นวายเข้าห้ามปราม เมื่อตรวจสอบบ้านที่รับการร้องเรียน ซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว 21 ตารางวา หน้าชนกันฝั่งละ 15 ห้อง ที่ชายคาหน้าบ้านมีการทำกรงเลี้ยงแมว 26 ตัว และในบ้านกักขังสุนัขไว้อีก 3 ตัว เมื่อส่งเสียงเห่าร้องก็จะกึกก้องไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ ที่หน้าบ้านยังพบคราบมูลหมักหมมเป็นทางยาวจากบ้านไปสู่ท่อระบายน้ำบนถนน และที่ในตัวบ้านและหน้าบ้าน สงกลิ่นเหม็นไปทั่วหมู่บ้านจนแสบจมูก
น.ส.เนตรนภา กล่าวว่า หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ชาวบ้านอาศัยอยู่มานานหลายสิบปี กระทั่งเมื่อ 6 ปีก่อน วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไป เมื่อ นางศศิธร ได้เริ่มนำหมา และแมวมาเลี้ยงโดยไม่มีการคุมกำเนิด จนออกลูกมามากมาย ถึงขั้นทำกรงขนาดใหญ่กักขังหมาแมวไว้ในตัวบ้าน ชนิดที่เรียกได้ว่า ศูนย์อภิบาลสัตว์ขนาดย่อมกลางชุมชน เมื่อสัตว์มีการถ่ายมูลก็จะส่งกลิ่นเหม็นมาก โดยเฉพาะปัสสาวะแมว
ประกอบกับเมื่อมีการชะล้างคราบสกปรกก็จะไหลมาบนถนน ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วหมู่บ้าน จนชาวบ้านที่อยู่ห้องติดกัน และในชุมชนต้องพากันย้ายบ้านหนี เมื่อแจ้งไปทางเจ้าของบ้านก็ไม่แก้ไขให้ดีขึ้น จึงร้องเรียนให้ศูนย์ดำรงธรรมเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแล หรือแก้ไขให้ย้ายออกไป ตนก็ยืนยันจะไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีแน่นอน
ด้าน นางศศิธร กล่าวว่า ตนเป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะสุนัขกับแมว เมื่อเห็นว่าได้ออกลูกมาจำนวนมากก็ไม่กล้านำไปปล่อยทิ้งเพราะเกิดความสงสาร จึงปักหลักเลี้ยงไว้ในบ้านมากถึง 30 ตัว ยอมรับว่าส่งกลิ่นเหม็นจริง จึงได้พาบุตรสาวย้ายออกไปอยู่ที่อื่น โดยทิ้งบ้านเป็นที่เลี้ยงดูหมาแมว ซึ่งตนรู้สึกรัก และผูกพันไม่อยากให้ใครนำไปไหน จึงขอผ่อนผันต่อทางราชการในการเคลื่อนย้ายไปไว้ที่อื่น
นายอภิชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางสาธารณสุข เทศบาลได้เข้ามาตรวจสอบ พร้อมออกหนังสือให้ทางเจ้าของบ้านเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงไปไว้ที่อื่นภายในวันที่ 31 ส.ค.58 แต่ชาวบ้านทนรอไม่ไหว เพราะไม่อาจทนกลิ่นเหม็นได้ จึงจะต้องเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยอีกครั้ง เพื่อนำไปไว้ศูนย์อภิบาลสัตว์ชั่วคราว หากเจ้าของยินดีจะรับเลี้ยงต่อก็ไปติดต่อขอรับคืนได้