xs
xsm
sm
md
lg

“รอง ผบ.ตร.” รุดแถลง ตร.เมืองช้างสกัดจับลอบขนงาช้างแปรสภาพอื้อ 800 ชิ้น(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. นำคณะ แถลงตำรวจสุรินทร์ สกัดจับผู้ลักลอบขนงาช้างแปรสภาพ ได้ของกลาง 38 รายการ จำนวน 868 ชิ้น พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ที่ จ.สุรินทร์ วันนี้ (  8 มิ.ย.)
สุรินทร์ - “พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ” รอง ผบ.ตร. แถลงตำรวจเมืองช้างร่วมเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 สกัดจับลักลอบขนงาช้างแปรสภาพอื้อ 38 รายการ จำนวน 868 ชิ้น พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย อ้างเป็นงาช้างพ่อซื้อสะสมมาและมีอาชีพค้าขายงาช้างรูปพรรณ พร้อมลงทะเบียนไว้ตามกฎหมายแต่ไม่ทราบห้ามแปรสภาพ ด้านเจ้าหน้าที่ชี้เอกสารนำแสดงไม่สอดคล้องกับงาช้าง



เมื่อเวลา 10.50 น.วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ห้องวิจัยกรณี กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.ต.กาญจน์พศ ชัยศิริชาญพนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) สุรินทร์, นายธัชชัย สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พ.อ.ปรีดา บุตราช รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ พ.ต.อ.อภิชาติ แจ้งจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผู้กำกับการ (ผกก.) กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ สุขเจริญ ผกก.สภ.สังขะ นายวิชิต จิรมงคลการ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี

ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบค้างาช้างแปรสภาพในพื้นที่ จ.สุรินทร์ หลังจากได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดยกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และ สภ.สังขะ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดการลักลอบขนส่งงาช้างในพื้นที่บริเวณถนนสายโชคชัย-เดชอุดม หน้าตู้ยามสะกาด หมู่ 1 ต.สะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนงาช้างผ่านบริเวณดังกล่าว ต่อมาได้มีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว ทะเบียน กง 6767 สุรินทร์ ขับขี่ผ่านมา มีตำหนิรูปพรรณรถยนต์ตรงตามที่ได้รับแจ้ง

เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัญญาณเรียกให้หยุดรถและขอเข้าทำการตรวจสอบ พบ นายสมบัติ มะลิงาม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 8 ต.บ้านจารย์ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นผู้ขับขี่ และจากการตรวจสอบพบงาช้างแปรสภาพ จำนวน 38 รายการ จำนวน 868 ชิ้น มูลค่า 243,600 บาท บรรจุอยู่ในถุงวางไว้บนเบาะโดยสารด้านหลังคนขับ ภายในรถยนต์

จึงได้เชิญ นายสมบัติ มะลิงาม มายัง สภ.สังขะ พร้อมประสานสายตรวจปราบปรามการกระทำผิด พ.ร.บ.งาช้าง ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ร่วมตรวจสอบ ซึ่งนายสมบัติได้นำเอกสารการครองครองงาช้างตามแบบ งช.2 มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ นายวิชิต จิรมงคลการ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ และผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ลงความเห็นว่าเอกสารที่นำมาแสดงไม่สอดคล้องกับงาช้างที่ตรวจพบ

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสมบัติกระทำความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งงาช้างโดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า โดยไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา 6 พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ. 2558) หรือเป็นผู้ครอบครองงาช้าง ตามมาตรา 6 หรือ มาตรา 19 แปรสภาพหรือเปลี่ยนรูปร่างงาช้างที่อยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน(มาตรา 7 วรรค 1 พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ. 2558) นายสมบัติรับทราบและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ไม่ขอให้การในรายละเอียดการได้มาขณะถูกจับกุม

พร้อมระบุว่า งาช้างแปรสภาพทั้งหมดเป็นงาช้างที่พ่อของตนเป็นคนซื้อสะสมมาจากควาญช้างในจังหวัดสุรินทร์ และที่บ้านมีอาชีพค้าขายงาช้างรูปพรรณ ซึ่งงาช้างได้มีการลงทะเบียนไว้ตามกฎหมายแต่ไม่ทราบว่ามีข้อห้ามในการนำมาแปรสภาพ จึงนำไปแกะสลักเป็นงารูปพรรณ แปรสภาพ เป็นการทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ขณะที่นายวิชิต จิรมงคลการ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษและผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบงาช้างที่มีการแปรสภาพทั้งหมดว่าเป็นงาช้างไทยหรืองาช้างแอฟริกา ถ้าเป็นงาช้างไทยจะมีการปรับตามอัตรากฎหมายระบุ หรือกำหนดไว้ หากเป็นงาช้างแอฟริกาต้องยึดเป็นสมบัติของชาติต่อไป

ทั้งนี้ การจับกุมการลักลอบขนส่งงาช้างดังกล่าวถือเป็นมาตรการเชิงรุกตามแผนงาช้างประเทศไทย ที่เน้นการบูรณาการทำงานร่วมกัน มีสายลับแจ้งเบาะแสข้อมูล นำไปสู่การจับกุม ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้สืบสวนขยายผลดำเนินการต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป เพื่อขุดรากถอนโคนขบวนการให้หมดสิ้น ซึ่งหลังจากที่ พ.ร.บ.งาช้างประเทศไทยมีผลใช้บังคับแล้วจะเพิ่มความเข้มในการตรวจตรามากยิ่งขึ้น ทั้งผู้ค้า ผู้ครอบครอง หรือกลุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิดในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้เกิดผลปฏิบัติเป็นรูปธรรม เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ CITES ต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น