หนองคาย - ศุลกากรหนองคาย ตรวจเข้มบุคคลออกนอกประเทศ ป้องกันหอบเงินไปฝากธนาคารลาวที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าในประเทศ ระบุถ้าประสงค์จะนำเงินออกมากกว่า 2 ล้านบาท ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายสมบัติ ฆ้อนทอง หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปรามศุลกากรหนองคาย, พ.ต.ท.กันต์พจน์ แจ่มปรางค์ทอง สว.ตม.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้ร่วมกันแจกเอกสารประชาสัมพันธ์พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีข่าวการนำเงินจำนวนหลักล้านบาทจากไทยไปฝากยังธนาคารประเทศลาวเพื่อหวังเงินดอกเบี้ยที่สูงกว่า
นายสมบัติ ฆ้อนทอง หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปรามศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรมุกดาหาร พบการนำเงินออกนอกประเทศ ประมาณ 26 ล้านบาท และก่อนหน้านั้นมีการนำเงินใส่กระติกน้ำแข็งประมาณ 30 ล้านบาท ออกนอกประเทศ เป็นความผิดตาม พรบ.ศุลกากร ประกอบกับขณะนี้ทางสถานทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ได้ออกหนังสือเตือนถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งศุลกากรหนองคาย ตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายทหารให้ร่วมกันตรวจสอบการนำเงินบาทไปฝากธนาคารในประเทศลาว ต้องศึกษาความเสี่ยงในการดำเนินการ
เนื่องจากขณะนี้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารลาวสูงกว่าของไทยอาจล่อใจให้กับผู้มีเงินต้องการดอกเบี้ยสูงนำเงินไปฝากยังต่างประเทศ ซึ่งนายอัสนี เรืองบุญ นายด่านศุลกากรหนองคาย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกที่ด่านหนองคาย และขณะนี้ก็ยังไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด
สำหรับอัตราดอกเบี้ยธนาคารในลาวขณะนี้ เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 3.5 เปอร์เซ็นต์, ฝากประจำตั้งแต่ 3-36 เดือน 6-12.5 เปอร์เซ็นต์ และเงินฝากกระแสรายวัน ดอกเบี้ย 2-4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยธนาคารต่าง ๆ ของไทย ตามระเบียบแล้วการนำเงินบาทออกไปยังประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และจีน โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีนำเงินบาทออกเกิน 450,000 บาท ต้องนำเงินมาสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแบบที่กำหนด
เจ้าหน้าที่จะตรวจนับและออกเอกสารกำกับให้ สำหรับประเทศอื่นนำออกได้ไม่เกิน 50,000 บาท ถ้านำเงินออกมากกว่าที่กำหนดถือเป็นการทำผิดกฎหมาย ผู้นำเงินออกต้องถูกจับ ส่วนเงินต้องถูกยึดดำเนินคดี.