อุบลราชธานี - สรุปยังไม่เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล เหตุน้ำน้อย หวั่นกระทบระบบนิเวศวงกว้าง ให้รอฝนตกลงมาเติมน้ำมูลก่อน ขณะที่จังหวัดพร้อมช่วยชาวบ้านที่จับปลาไม่ได้ เล็งหามาตรการกำหนดเปิด-ปิดในปีต่อไป ขณะสมัชชาคนจนระบุเข้าใจจังหวัดทำได้เท่านี้ ชี้อาจเคลื่อนไหวกดดันต่อที่ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมจินดารัตน์ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มสมัชชาคนจน 15 คน นำโดย นายกฤษกร ศิลารักษ์ ประชุมร่วมกับ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล เช่น ตัวแทนสำนักงานชลประทาน สำนักงานประมง สำนักงานเกษตร สำนักงานพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่กำกับดูแลเขื่อนปากมูล
ที่ประชุมได้นำเสนอข้อมูลด้านกายภาพของสภาพลำน้ำมูล ชี และโขง โดยระบุว่าสภาพของลำน้ำขณะนี้เปรียบเทียบได้กับปี 2548 ซึ่งเกิดฝนทิ้งช่วงและเกิดภัยแล้ง โดยสภาพแม่น้ำมูลตั้งแต่ท้ายแก่งสะพือลงไปถึงเขื่อนปากมูลมีน้ำเก็บกักไว้จำนวน 160 ล้านลูกบาศก์เมตร และแม่น้ำโขงมีระดับน้ำต่ำกว่าแม่น้ำมูล 15 เมตร
หากเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บานเพียง 4 ชั่วโมง น้ำที่เก็บกักไว้จะไหลลงแม่น้ำโขงทั้งหมด ส่วนปลากับสัตว์น้ำสามารถว่ายขึ้นมาวางไข่ได้ในช่วง 2-3 วัน แต่หลังจากนั้นน้ำในแม่น้ำมูลจากท้ายแก่งสะพือจะมีน้ำเหลือค้างตามแอ่งน้ำของเกาะแก่งที่มีความลึก เนื่องจากไม่มีน้ำจากแม่น้ำชี แม่น้ำมูลตอนบน และลำน้ำสาขาไหลลงมาเติมในลำน้ำมูลตอนล่าง ปลาก็ไม่สามารถขึ้นมาวางไข่ นอกจากนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานีสูบน้ำที่อยู่ท้ายน้ำ 16 สถานี ซึ่งปัจจุบันต้องสูบน้ำจากแม่น้ำมูลใช้หล่อเลี้ยงต้นกล้าของเกษตรกรในพื้นที่กว่า 9,000 ไร่ เพราะในพื้นที่ยังไม่มีฝนตกลงมา
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้ง 12 แห่งของจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันมีน้ำเก็บกักไว้ร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีระดับน้ำเก็บกักร้อยละ 56 จึงต้องรอให้มีฝนตกลงมาจนน้ำได้ระดับเพียงพอถึงสามารถเปิดประตูระบายน้ำได้
หลังจากใช้เวลาหารือและถกเถียงกันต่อเนื่องนานกว่า 6 ชั่วโมง นายประทีปได้เสนอต่อที่ประชุมว่า การเปิดเขื่อนปากมูลขณะนี้จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี จึงเห็นควรชะลอการเปิดประตูระบายน้ำไปอีกระยะเพื่อรอน้ำฝนที่จะมาเติมให้กับลำน้ำ เพราะหากเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลขณะนี้ ปลาและสัตว์น้ำก็ไม่สามารถขึ้นมาวางไข่ได้ทั้งหมด
ส่วนผลกระทบที่เกิดแก่ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงไม่สามารถจับปลาได้นั้น ให้กลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจนเสนอวิธีการเยียวยาให้แก่คนกลุ่มนี้ โดยฝ่ายราชการยินดีช่วยเหลือไปจนกว่ามีน้ำฝนตกลงมาให้เต็มที่ มาตรการต่อมาคือ การร่วมกันหาข้อสรุปที่จะใช้แก้ปัญหาร่วมกันในปีต่อไปเพื่อใช้เป็นตัวกำหนด โดยไม่ต้องมาหารือกันทุกปี ซึ่งขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันคิดเพื่อใช้แก้ปัญหาระยะยาว
ส่วนกรณีที่กลุ่มสมัชชาคนจนเคยระบุว่าจะเดินทางไปเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ตนไม่ทราบเรื่อง แต่การเคลื่อนไหวอะไรต้องมีเหตุมีผล เพราะการหารือวันนี้ก็ได้ข้อสรุปว่า อัตราไหลของน้ำในแม่น้ำมูลยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จึงยังเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนไม่ได้
ด้านนายอุม แสงป้อง แกนนำกลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจน ระบุว่า เข้าใจความพยายามแก้ปัญหาของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ชาวบ้านต้องการให้เปิดประตูระบายน้ำในช่วงนี้ เพื่อมีโอกาสได้ประกอบอาชีพ ไปจนกว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาสมัชชาคนจน ที่อยู่ระหว่างรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลงนาม
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวบ้านขณะนี้จึงต้องเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล เพราะชาวบ้านทนทุกข์จากการสร้างเขื่อนแห่งนี้นานกว่า 25 ปี การจะไปเคลื่อนไหวเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้าหรือไม่นั้นต้องหารือกับพี่น้องชาวบ้านปากมูลทั้งหมดก่อน แต่เชื่อว่าการหารือในระดับจังหวัดทำได้เพียงเท่านี้ ไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้มากกว่านี้แล้ว