ผลตรวจสุขภาพชาวบ้านรอบ รง.กำจัดกากขยะเมืองราชบุรี พบมีโลหะหนักปนเปื้อน

ราชบุรี - เผยผลตรวจสุขภาพชาวบ้านในพื้นที่ตำบลน้ำพุ เมืองราชบุรี ที่อยู่รอบโรงงานกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม พบมีโลหะหนักปนเปื้อน นายกเล็ก อบต.น้ำพุ ซัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้สนใจในสุขภาพของประชาชนเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ร้องเรียนเรื่องที่โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซค์เคิล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโรงงานที่รับกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม สร้างผลกระทบต่อชาวบ้าน ทั้งเรื่องของกลิ่นเหม็น น้ำเสียที่ไหลลงสู่ลำห้วยสาธารณะ ล่าสุด ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เก็บตัวอย่างน้ำบาดาลรอบๆ โรงงานไปตรวจสอบ และพบว่าในน้ำนั้นมีสารอันตรายปนเปื้อน และได้แจ้งให้ทาง อบต.น้ำพุ แจ้งเตือนชาวบ้านว่า ให้งดใช้น้ำบาดาล และทางโรงงานก็ได้ออกมาทำสัญญาข้อตกลงร่วมกับชาวบ้าน

โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นสักขีพยานว่า ถ้าโรงงานสร้างผลกระทบต่อชาวบ้าน ก็ทำการดูแล รวมถึงการตรวจสุขภาพด้วย ซึ่งทาง อบต.น้ำพุ ก็ได้ทำการส่งชาวบ้านรอบๆ โรงงานไปทำการตรวจสุขภาพ 8 คน ที่โรงพยาบาลราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.58 ที่ผ่านมา โดยทางโรงงานเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และผลได้ออกมาแล้วพบว่า มีสารแคดเมียม และนิกเกิล ซึ่งสารโลหะหนักอยู่ในร่างกาย และเป็นสารตัวเดียวกับที่มีการตรวจพบในแหล่งน้ำใต้ดินรอบๆ โรงงาน ซึ่งในคนปกตินั้นจะไม่มีสารดังกล่าวในร่างกาย แต่ถ้ามีก็ถือว่าอันตราย

นายไพฑูรย์ ปัตตนา นายก อบต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี กล่าวว่า เมื่อผลตรวจสุขภาพของชาวบ้าน 8 คน ที่ทาง อบต. ส่งไปตรวจออกมาแล้วพบว่า มีสารโลหะหนักในร่างกาย โดยเฉพาะ นางศิวลี ปรัชญนันทน์ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีกว่า 20 วันแล้ว แต่กลับไม่มีหน่วยงานของสาธารณสุขออกมาชี้แจง หรือมาแจ้งถึงผลกระทบว่าจะมีผลต่อร่างกายอย่างไร และผลการตรวจนั้นก็ออกมาตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.58 แต่ทางโรงพยาบาลราชบุรี ไม่ได้แจ้งให้แก่ทางชาวบ้าน หรือ อบต.ได้ทราบเลย

“จึงอยากสอบถามว่า ทำไมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงไม่ได้สนใจในสุขภาพของประชาชนเลย ทั้งที่ทราบแล้วว่า สารปนเปื้อนดังกล่าวนั้นเกิดจากอะไร”

ด้าน นายจำเนียร จินดาโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า พอรู้ว่าในร่างกายของตนเองมีสารโลหะหนักก็ไม่สบายใจ และไม่รู้ว่ามีได้อย่างไร แต่ตนเองนั้นใช้น้ำบาดาลที่สูบขึ้นมา และไม่ใช่ครอบครัวตนเองเท่านั้นที่ใช้น้ำแห่งนี้ แต่มีการใช้กันทั้งหมู่บ้านกว่า 100 ครัวเรือน ก็คงจะต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านไปตรวจร่างกายเพื่อป้องกันไว้ก่อน