ระยอง - จังหวัดระยอง ประชุมจัดตั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรืออีโค เน็ตเวิร์ก มุ่งพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแบบบูรณาการ ให้มีความเหมาะสม และเข้มแข็ง
วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมโกลเด้น ซิตี้ อ.เมือง จ.ระยอง นายสุรพล สุทธจินดา อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมการจัดตั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco Network ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้สถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้น โดยมี นายวีระพล พวงพิทยาวุฒิ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง นางอนุชิดา ชินศิระประภา ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีประชาสังคมเข้าร่วมประชุม 80 คน
ทั้งนี้ นายคณาทิศ เกิดคล้าย ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีอยู่ และพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม โดยลดผลกระทบที่เกิดต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถอยู่ร่วมกับประชาชนได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) ได้เน้นการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มุ่งลดปริมาณมลพิษ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการของเสีย พัฒนาระบบการจัดการของเสียอันตรายอิเล็กทรอนิกส์ ลดความเสี่ยงอันตรายการเกิดอุบัติภัยจากการรั่วไหลของสารเคมี พัฒนาระบบเตือนภัย การแจ้งเหตุฉุกเฉิน และระบบการจัดการเมื่อเกิดอุบัติภัยด้านมลพิษ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เป็นไปในแนวทางอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และอุตสาหกรรมสีเขียว
สำหรับการจัดประชุมการจัดตั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศครั้งนี้ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระหว่างผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และประชาชนในเขตพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งการทบทวนให้เหมาะสมต่อสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น สอดคล้องตรงตามความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นการดำเนินการเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ตามตัวชี้วัดระดับความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มีความเจริญเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และส่งเสริมความยั่งยืนทางด้านสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของจังหวัด ให้มีความเหมาะสม และมีความเข้มแข็งต่อไป