ตาก - ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงติดอาวุธ 4 กลุ่มใหญ่ในพม่า เปิดโต๊ะประชุมเคลียร์ปัญหาคาใจ หลัง DKBA บุกเผา 2 โรงเรียน พร้อมวางระเบิดในรัฐกะเหรี่ยง อ้างสกัดทหารพม่าลอบเข้าเขตปกครองโดยไม่แจ้ง
แหล่งข่าวระดับสูงของกองกำลังกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army – KNLA) กล่าวที่ชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่า พล.อ.จอห์นนี่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองกำลังกะเหรี่ยง KNLA (กองกำลังติดอาวุธเพื่อการปลดปล่อยชาติพันธุ์) เป็นประธานในการประชุมผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงติดอาวุธเชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ค่ายโกล้ย้อเล กองบัญชาการกองพล 7 สหภาพกะเหรี่ยงอิสระ KNU ตรงข้ามบ้านแม่สลิดน้อย หมู่ 3 ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เพื่อหารือทำความเข้าใจ และเคลียร์ปัญหาที่เคยบาดหมางค้างคาใจกันของทุกฝ่าย โดยมีตัวแทนกองกำลังกะเหรี่ยง 4 กลุ่ม คือ พล.ต.เยนุ ผู้บัญชาการฝ่ายสนับสนุนและส่งกำลังบำรุง จากกองกำลังกลุ่ม KNLA/PC, พลจัตวาจ่อแท็ด จากกลุ่มโกล้ทูลา, พลจัตวาตาบี้โค๊ะไตฉ่วย จากกลุ่มโกล้ทูลาฯ รวมทั้งนายพลหม่องชิดตู ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF เขตควบคุมพื้นที่เขต 3 ที่มีเขตอิทธิพลควบคุมดูแลชานเมืองเมียวดี
ตลอดจนสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU จากกองพล ที่ 1 กองพล 5 และกองพลที่ 7 ที่มีกองบัญชาการชายแดนไทย-พม่า อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ไปจนถึงรอยต่อ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และชายแดนติดกับแม่น้ำสาละวินทั้งหมด เข้าร่วมรวมประมาณ 50 คน
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมกองกำลังกะเหรี่ยงดังกล่าวได้ร่วมทำข้อตกงเดินหน้าพัฒนาชนเผ่ากะเหรี่ยง และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนี้
1.เรื่องกำลังพล DKBA ได้บุกไปเผาโรงเรียนบ้านทีโกลเซาะ และโรงเรียนบ้านทีกะแน เขตเมืองแลงบอย รัฐกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 ที่ผ่านมานั้น พลจัตวาตาบี้โค๊ะไตฉ่วย ผู้บัญชาการกองพลน้อยโกล้ทูลา ของกองกำลัง DKBA และ พล.จ.จ่อแท็ด ผู้บัญชาการกองพลน้อย รบพิเศษ DKBA ยอมรับผิดชอบ และสัญญาว่าจะสร้างโรงเรียนใหม่ทดแทนให้ทั้ง 2 โรงเรียน
โดยระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการเข้าใจผิด และระหว่างที่บุกเผาโรงเรียนนั้นไม่ได้ทำร้ายหรือทำอันตรายแก่ใคร เพราะไม่มีครู และเด็กนักเรียนอยู่ในโรงเรียน ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และเป็นช่วงปิดภาคเรียน
2.เรื่องการวางกับระเบิดนั้น กกล.DKBA รับปากว่า จะทำการเก็บกู้ออกไปให้หมด ซึ่งสาเหตุที่มีการวางกับระเบิดนั้นเนื่องจากที่ผ่านมา มีทหารพม่าเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบโดยไม่มีการประสานกับ DKBA
3.เรื่องการขัดขวางองค์กรศาสนาที่เข้ามาสนับสนุนให้การช่วยเหลือด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข DKBA จะไม่มีการขัดขวางอีก แต่ขอให้แจ้งให้ทาง DKBA ทราบด้วยทุกครั้งที่เข้ามาดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบของ DKBA