มุกดาหาร - เครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดมุกดาหาร สนับสนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เพราะจะช่วยทำให้เด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ลดลง
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหารหลังเก่า นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผวจ.มุกดาหาร รับมอบรายชื่อผู้ร่วมลงนามสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ จากนายบุญชัย เรืองยุทธศาสตร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดมุกดาหาร พร้อมสมาชิกเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเสนอต่อรัฐบาลในวันงดสูบบุหรี่โลก วันที่ 31 พ.ค.58 นี้ ให้รัฐบาลสนับสนุนกฎหมายนี้
โดยปรับปรุงจากกฎหมายเดิม เช่น เพิ่มอายุผู้ซื้อจาก 18 ปี เป็น 20 ปี ปรับปรุงความหมายผลิตภัณฑ์ยาสูบครอบคลุมถึงบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไร้ควัน ห้ามการส่งเสริมการขายในจังหวัดมุกดาหาร
นายสกลสฤษฏ์ กล่าวว่า เนื่องจากเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อการปกป้องเด็กเยาวชน จากการตกเป็นทาสของการติดบุหรี่ และรัฐบาลยังมิได้มีการพิจารณาเพื่อประกาศบังคับใช้กฎหมาย ทำให้เครือข่ายภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่ายองค์กรสาธารณประโยชน์ จำนวน 721 องค์กร
ประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรงวดเหล้า หมออนามัย อสม. เครือข่ายพระสงฆ์ เด็กและเยาวชน มีความเห็นร่วมกัน และแสดงจุดยืนอย่างแน่วแน่จะร่วมกับขับเคลื่อนร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากเป็นมาตรการปกป้องเด็ก และเยาวชนจากการตกเป็นทาสของบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จะขับเคลื่อนมาตรการรวบรวมรายชื่อประชาชนประมาณ 10 ล้านคน เสนอต่อรัฐบาลเพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่
โดยมีเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนในระดับหมู่บ้าน คือ อสม. และหมออนามัย จะเป็นเครือข่ายหลักในการรวบรวมรายชื่อประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้าน อสม.เป็นอาสาสมัครด้านสุขภาพ ที่มีภารกิจในการดูแลสุขภาพประชาชนในละแวกบ้าน 8-15 หลังคาเรือน ปัจจุบัน ประเทศไทยมี อสม. ประมาณ 1 ล้านคน และมีเป้าหมายให้ อสม.1 คน เดินรณรงค์ขอความร่วมมือให้ชาวบ้าน 10 คน ร่วมลงชื่อสนับสนุน จะสามารถรวบรวมชื่อประชาชนสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ได้จำนวนมากถึง 10 ล้านคน
สาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ มาตรการต่างๆ ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทำให้เด็ก และเยาวชนสูบบุหรี่ลดลง เพิ่มมาตรการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ เพิ่มข้อห้ามการโฆษณาทางอ้อม กำหนดให้มีกลไกคณะกรรมการควบคุมยาสูบระดับจังหวัด และสำคัญที่สุดเพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพของประชาชนโดยรวมในสังคมไทยต่อไป
