ตราด - กลุ่มประมงตราด ร่วมพันคนยื่น 4 ข้อเรียกร้องผ่านผู้ว่าฯ ตราด เพราะเดือดร้อนจากนโยบาลรัฐบาล ขู่หากไม่ได้เตรียมหยุดทำประมงตามมติสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
วันนี้ (28 พ.ค.) กลุ่มชาวประมงในจังหวัดตราดหลายร้อยคน นำโดย นายณรงค์ ไชยศิริ เลขานุการนายกสมาคมการประมงจังหวัดตราด รวมตัวกันเสนอข้อเรียกร้องที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ถึงรัฐบาลผ่านจังหวัด โดยมี นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วย นายไชยยันต์ การสมเนตร ประมงจังหวัดตราด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังข้อเรียกร้องของชาวประมง
นายณรงค์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ส่งผลกระทบต่อชาวประมงในจังหวัดตราด จึงได้มีการรวมตัวยื่นข้อเรียกร้องผ่านจังหวัดไปยังรัฐบาล ประกอบด้วย ออกอาชญาบัตรแก่เรือที่ยังไม่มีอาชญาบัตร และอาชญาบัตรไม่ตรงกับการประมง ซึ่งในจังหวัดตราด มีเรือประมงประเภทนี้ประมาณร้อยละ 70-80 ที่อาชญาบัตรไม่ตรงกับการทำประมง
นอกจากนี้ เรื่องใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว ขอให้ทางรัฐบาลเปิดทำตลอดทั้งปี โดยใช้โควตาเป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบ รวมทั้งขอให้ต่างชาติเป็นผู้ความคุมเรือ (ไต๋เรือ) ได้ เนื่องจากภาคประมงขาดแคลนแรงงานไทย ทำให้ขาดบุคลากรที่จะต่อยอดไปเป็นผู้ควบคุมเรือ (ไต๋เรือ)
นายอมรศักดิ์ วรวิจิตรพงษ์ นายกสมาคมประมงคลองใหญ่ กล่าวว่า หากปัญหาไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือแก้ไข เรือประมงใน อ.คลองใหญ่ กว่า 800 ลำ จะหยุดทำประมงทั้งหมดตามมติสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ซึ่งเรือบางลำใน อ.คลองใหญ่ ได้อยู่ทำประมงไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีของข้อเรียกร้องในเรื่องที่ชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นเรือประมงขนาดเล็ก เรียกร้องให้ลดหย่อนภาษีลงมาบ้างเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ ทั้งนี้ หลังรับข้อเรียกร้องจากกลุ่มชาวประมงจังหวัดตราดแล้ว ได้มีการเชิญผู้แทนของกลุ่มชาวประมง 10 คน เข้ามานำเสนอข้อเรียกร้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมตราดสีทอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้กล่าวว่า หลังรับข้อเรียกร้องของทางกลุ่มชาวประมงแล้ว บางกรณีเกินอำนาจของทางจังหวัด ซึ่งจะได้นำเสนอผ่านไปยังรัฐบาล ผ่านทางกระทรวงมหาดไทยต่อไป
ด้าน นายเสน่ห์ สังข์ทอง ชาวประมงพื้นบ้าน ต.แหลมกลัด กล่าวว่า การเรียกเก็บภาษีของสรรพากรส่งผลกระทบต่อชาวประมง เพราะเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อหาอุปกรณ์การทำประมง เป็นการฉกฉวยโอกาสจากการที่เรือประมงไปขึ้นทะเบียนเรือกับประมงจังหวัด แล้วสรรพากรก็ส่งจดหมายมาแจ้งตามที่เจ้าของเรือไปทำการขึ้นทะเบียนไว้ว่าให้ไปพบ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ซึ่งตนเอง และกลุ่มเพื่อนประมงยังไม่มีใครไปพบ ขณะที่กฎหมายประมงที่ออกมา ชาวประมงจะต้องไปแจ้งการทำประมงตรงนี้ต้องเสีย 500 บาท นอกจากนี้ ยังมีการเก็บภาษีจากอุปกรณ์การประมงอีกด้วยแต่ยังไม่รู้ว่าเท่าไหร่
สำหรับภาษีที่ทางสรรพากรเรียกเก็บนั้น จะอยู่ที่ลำละ 1,200 บาท สำหรับเรือประมงเล็ก จนถึงกว่า 10,000 บาท สำหรับเรือประมงใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เรือประมงเหล่านี้จะเป็นเรือประมงพานิชย์ มีลูกเรือประมงบนเรือตั้งแต่ 30-50 คนขึ้นไป และจำนวนลูกเรือประมงดังกล่าว ทางสรรพากรก็จะนำมาคำนวณเพื่อใช้สำหรับคิดภาษีอีกด้วย