นครราชสีมา - กลุ่มวังขนาย มอบงบประมาณ จำนวน 1,222,700 บาท ให้กองทัพภาคที่ 2 ใช้ในการปรับปรุง สะพาน ณ วังขนาย ในสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องรับรอง ตึกกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา นายวัชรา ณ วังขนาย รองประธานกรรมการกลุ่มวังขนาย ได้เดินทางมามอบงบประมาณ จำนวน 1,222,700 บาท ให้แก่ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อใช้ในการซ่อมแซมปรับปรุงสะพาน ณ วังขนาย ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
สำหรับสะพานที่ได้มอบงบประมาณซ่อมแซมในครั้งนี้มีชื่อว่า สะพาน ณ วังขนาย ซึ่งทางกลุ่มวังขนายเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ในการออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี แต่เนื่องจากในปัจจุบันได้มีสภาพที่ทรุดโทรมจนอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่เดินทางมาใช้บริการได้ ทางกองทัพภาคที่ 2 โดยมี พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง ปฏิบัติหน้าที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 จึงได้มีหนังสือขอความช่วยเหลือมายังกลุ่มวังขนาย ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างสะพานดังกล่าว เมื่อได้พิจารณาแล้วก็ได้ทำการอนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมสะพานดังกล่าวให้มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมให้ประชาชนทั่วไปได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ด้าน พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา กล่าวว่า สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ (สวนน้ำฯ ร.๙) ได้รับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ โครงการแก้มลิงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกักเก็บน้ำจากพื้นที่โดยรอบไม่ให้เข้าท่วมตัวเมืองนครราชสีมา และยังสามารถจัดเก็บน้ำสำรองไว้ใช้แก้ปัญหาในยามขาดแคลน โดยมีพื้นที่โดย รวม 300 ไร่ ภายในมีกิจกรรมสันทนาการมากมาย มีพื้นที่ลานอเนกประสงค์ จำนวน 5 ลาน และมีพื้นที่สำหรับให้ประชาชนออกกำลังกายเรียกว่า ลานกีฬา โดยมีสะพาน ณ วังขนาย เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังลานกีฬา เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ โดยสามารถให้บริการประชาชนได้ถึง 2,000 คนต่อวัน
สำหรับตัวสะพานนั้นได้ก่อสร้างลักษณะแขวน มีความยาว 72.56 เมตร กว้าง 2 เมตร สูงจากผิวน้ำถึงตัวสะพานประมาณ 2 เมตร โครงสร้างประกอบด้วย พื้นสะพานเป็นแผ่นไม้ขนาดยาว 2 เมตร จำนวน 330 แผ่น แต่เนื่องจากตัวสะพานได้ก่อสร้างมานานกว่า 16 ปี ปัจจุบันจึงเกิดการชำรุด ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ดำเนินการดูแลแก้ไขมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากตัวโครงสร้างสะพานที่เป็นไม้ และลวดสลิงยึดดึงสะพานมีอายุการใช้งานมานาน จึงทำให้เกิดชำรุดตามสภาพ ตลอดจนตัวสะพานที่สร้างจากไม้นั้นก็ได้มีการเปลี่ยนซ่อมแซมบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก
กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3/สำนักงานสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จึงมีความจำเป็นที่จะดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงสะพานให้มีสภาพดีดังเดิม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ จึงได้ขอความอนุเคราะห์รับการสนับสนุนสำหรับซ่อมแซมปรับปรุงสะพานจากทางกลุ่มวังขนาย ซึ่งก็ได้การตอบรับเป็นอย่างดี
ทางค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต้องขอขอบคุณแทนประชาชนในพื้นที่ในความอนุเคราะห์สนับสนุนครั้งนี้ และจะได้นำงบประมาณช่วยเหลือดังกล่าวไปซ่อมแซม และดำเนินการปรับปรุง บำรุงและดูแลรักษาสะพานให้อยู่ในสภาพมั่นคง แข็งแรงตลอดอายุการใช้งาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาใช้พักผ่อน และออกกำลังกาย ที่สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ อย่างยั่งยืนตลอดไป
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องรับรอง ตึกกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา นายวัชรา ณ วังขนาย รองประธานกรรมการกลุ่มวังขนาย ได้เดินทางมามอบงบประมาณ จำนวน 1,222,700 บาท ให้แก่ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อใช้ในการซ่อมแซมปรับปรุงสะพาน ณ วังขนาย ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
สำหรับสะพานที่ได้มอบงบประมาณซ่อมแซมในครั้งนี้มีชื่อว่า สะพาน ณ วังขนาย ซึ่งทางกลุ่มวังขนายเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ในการออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี แต่เนื่องจากในปัจจุบันได้มีสภาพที่ทรุดโทรมจนอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่เดินทางมาใช้บริการได้ ทางกองทัพภาคที่ 2 โดยมี พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง ปฏิบัติหน้าที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 จึงได้มีหนังสือขอความช่วยเหลือมายังกลุ่มวังขนาย ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างสะพานดังกล่าว เมื่อได้พิจารณาแล้วก็ได้ทำการอนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมสะพานดังกล่าวให้มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมให้ประชาชนทั่วไปได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ด้าน พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา กล่าวว่า สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ (สวนน้ำฯ ร.๙) ได้รับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ โครงการแก้มลิงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกักเก็บน้ำจากพื้นที่โดยรอบไม่ให้เข้าท่วมตัวเมืองนครราชสีมา และยังสามารถจัดเก็บน้ำสำรองไว้ใช้แก้ปัญหาในยามขาดแคลน โดยมีพื้นที่โดย รวม 300 ไร่ ภายในมีกิจกรรมสันทนาการมากมาย มีพื้นที่ลานอเนกประสงค์ จำนวน 5 ลาน และมีพื้นที่สำหรับให้ประชาชนออกกำลังกายเรียกว่า ลานกีฬา โดยมีสะพาน ณ วังขนาย เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังลานกีฬา เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ โดยสามารถให้บริการประชาชนได้ถึง 2,000 คนต่อวัน
สำหรับตัวสะพานนั้นได้ก่อสร้างลักษณะแขวน มีความยาว 72.56 เมตร กว้าง 2 เมตร สูงจากผิวน้ำถึงตัวสะพานประมาณ 2 เมตร โครงสร้างประกอบด้วย พื้นสะพานเป็นแผ่นไม้ขนาดยาว 2 เมตร จำนวน 330 แผ่น แต่เนื่องจากตัวสะพานได้ก่อสร้างมานานกว่า 16 ปี ปัจจุบันจึงเกิดการชำรุด ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ดำเนินการดูแลแก้ไขมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากตัวโครงสร้างสะพานที่เป็นไม้ และลวดสลิงยึดดึงสะพานมีอายุการใช้งานมานาน จึงทำให้เกิดชำรุดตามสภาพ ตลอดจนตัวสะพานที่สร้างจากไม้นั้นก็ได้มีการเปลี่ยนซ่อมแซมบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก
กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3/สำนักงานสวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จึงมีความจำเป็นที่จะดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงสะพานให้มีสภาพดีดังเดิม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ จึงได้ขอความอนุเคราะห์รับการสนับสนุนสำหรับซ่อมแซมปรับปรุงสะพานจากทางกลุ่มวังขนาย ซึ่งก็ได้การตอบรับเป็นอย่างดี
ทางค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต้องขอขอบคุณแทนประชาชนในพื้นที่ในความอนุเคราะห์สนับสนุนครั้งนี้ และจะได้นำงบประมาณช่วยเหลือดังกล่าวไปซ่อมแซม และดำเนินการปรับปรุง บำรุงและดูแลรักษาสะพานให้อยู่ในสภาพมั่นคง แข็งแรงตลอดอายุการใช้งาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาใช้พักผ่อน และออกกำลังกาย ที่สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ อย่างยั่งยืนตลอดไป