ศูนย์ข่าวศรีราชา - อุตฯ ชลบุรี สั่งปิดลานวัสดุรีไซเคิลที่ถูกไฟไหม้ ต.เหมือง หลังลักลอบนำวัสดุรีไซเคิลมากองไว้ในเนื้อที่ 9 ไร่ โดยไม่ได้ขออนุญาต พร้อมสั่งให้เคลียร์วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เบื้องต้น ตั้งข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ลานวัสดุรีไซเคิล ของบริษัทอินเตอร์ชล รีไซเคิล เลขที่ 33/6 หมู่ 5 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยต้องใช้รถดับเพลิงในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 30 คัน มาระดมฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง โดยเพลิงลุกไหม้ตั้งแต่เวลา 20.00 น.ในวันที่ 20 พ.ค. แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิง และไฟสงบลงในเวลา 05.00 น.วันที่ 21 พ.ค.นี้ซึ่งใช้เวลา 9 ชั่วโมง
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 พ.ค.) นายอานันท์ ฟักสังข์ หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 จังหวัดชลบุรี ได้นำเครื่องมือเพื่อตรวจวัดคุณภาพของอากาศ และสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โดยรอบ
จากการสอบสอบในเบื้องต้น ไม่พบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารไฮโดรเจนซัลไฟด์ สารแอมโมเนีย และสารอินทรีย์ระเหย โดยไม่เกิดมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ในบริเวณที่ถูกไฟไหม้ และในแหล่งชุมชนห่างจากจุดเกิดไฟไหม้ประมาณ 100 เมตร เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
นอกจากนั้น จากตรวจสอบพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการจากอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย โดยเบื้องต้น ให้ทางบริษัทแห่งนี้หยุดประกอบกิจการดังกล่าว นอกจากนั้น ให้ทำการขนย้ายวัสดุดังกล่าวทั้งหมด ประกอบด้วย เศษไม้ ไม้พาเลต ภาชนะบรรจุโลหะ เศษผ้าบุกันความร้อนสำหรับรถยนต์ ฯลฯ โดยให้ระยะเวลาในการดำเนินการจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และทางบริษัทจะต้องจัดทำแผนการขนย้ายส่งให้สำนักงานอุตสาหกรรมดูด้วย เพื่อพิจารณาว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร
นายอานันท์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้น ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายธรรมวุธ โซวเจริญ ผู้ดูแลและประกอบกิจการดังกล่าวในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ขออนุญาต โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปิดพื้นที่บริเวณนี้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ก่อสร้างโรงงาน
ด้าน นายธรรมวุธ โซวเจริญ ผู้ประกอบกิจการกล่าวว่า หลังจากนี้จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ โดยเลิกนำวัสดุที่ใช้แล้วมาไว้ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว และต้องเคลียร์สิ่งของทั้งหมดออกนอกพื้นที่ และต้องหยุดประกอบกิจการตรงจุดนี้อย่างเด็ดขาด และอาจจะต้องขายที่ดินดังกล่าว จำนวน 9 ไร่ในที่สุด