ประจวบคีรีขันธ์ - ชุดพยัคฆ์ไพร ร่วมกับ ตำรวจ ปทส. ทหาร และหน่วยงานในพื้นที่เข้าตรวจสอบและยึดพื้นที่ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่า ล้อมรั้วและปักหมุดกว่า 13 ไร่ ใกล้พระตำหนักฤดีวนาลัย ใน ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ตรวจพบไม่มีเอกสารสิทธิ พร้อมขยายผลตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิพื้นที่ข้างเคียงว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ด้วย
วันนี้ (13 พ.ค.) นายจรัส นีรนาทไพบูลย์ ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) พ.ต.ท.พัชรพงษ์ รบอาจ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน (รอง ผกก.) ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 17 นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณช่องเขาหนองสมอ และเขาดอนตะแบก ใกล้กับพระตำหนักฤดีวนาลัย หมู่ 7 บ้านหนองเหียง ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หลังมีการร้องเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเข้าทำการล้อมรั้วลวดหนามเป็นบริเวณกว้าง
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ระหว่างช่องเขามองเห็นทะเล มีการปักเสา และล้อมรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจพื้นที่โดยรอบ พบว่า บางจุดมีการปักหมุดหลักเขตใกล้กับรั้วลวดหนามด้วย พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้การตรวจสอบพิกัดจากจีพีเอส เพื่อนำไปตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งขณะตรวจสอบยังไม่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่
นายจรัส นีรนาทไพบูลย์ ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลต่อสารบบของสำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่า ยังไม่มีการออกเอกสารสิทธิ และไม่มีการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่แต่อย่างใด และจากการคำนวณพิกัดจากจีพีเอส พบว่า พื้นที่ที่มีการบุกรุกนี้มีเนื้อที 13 ไร่ 1 งาน 74 ตารางวา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวไว้ทำการตรวจสอบหาผู้ครอบครอง
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ก็พบว่า พื้นที่รอบข้างแปลงที่มีการตรวจยึดก็มีการล้อมรั้วลวดหนามเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีเอกสารสิทธิ แต่เจ้าหน้าที่คงต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้งถึงที่มาของการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ เพราะสภาพพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ติดภูเขา และไม่มีการเข้าทำประโยชน์มาก่อน หากพบสิ่งผิดปกติก็จะต้องดำเนินการยึดพื้นที่คืน