เชียงราย - รักษาการผู้ตรวจเงินแผ่นดินนำเจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานเบิกจ่าย ทต.หล่ายงาว เมืองเชียงราย หลัง หน.ส่วนกองคลังทนไม่ไหวหอบเอกสารตระเวนร้องสารพัดหน่วยงาน รวมถึงสื่อมวลชน ด้าน ป.ป.ช.เข้าสอบซ้ำ เปิดบันทึกร้องเรียนพบมีทั้งให้ลงเลขรับย้อนหลัง บางโครงการเพิ่งส่งมอบไม่กี่เดือนพังแล้ว ขณะที่นายกยันโปร่งใส
วันนี้ (12 พ.ค.) นางศรีไพร ทองสินธุ์ รักษาการผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.เชียงราย นำเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่เทศบาลตำบลหล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เพื่อตรวจสอบบัญชีงบประมาณโครงการต่างๆ ของเทศบาลฯ หลังน.ส.จีณนันท์ มูลชนะ หัวหน้าส่วนกองคลังของเทศบาลฯ ได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน เพราะสงสัยว่า มีหลายโครงการที่อาจจะไม่โปร่งใสและอาจทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
ผู้ร้องระบุว่า มีหลายโครงการที่ตนมีข้อสงสัย จึงไม่ได้ลงนาม หรือเซ็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายฯ และเชื่อว่าเป็นเหตุให้ถูกข่มขู่ กลั่นแกล้งโยกย้าย ฯลฯ
ทางเจ้าหน้าที่ สตง.ได้ขอดูหลักฐานการเงินโครงการของเทศบาลฯ ตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบัน และได้ให้ น.ส.จีณนันท์ให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย ขณะที่มีรายงานว่า ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
นางศรีไพรกล่าวว่า เบื้องต้นคงต้องใช้เวลาตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อใช้เป็นฐานในการตรวจสอบโครงการต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะกรณีที่มีการร้องเรียนทั้ง 41 โครงการ และหากพบเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ร้องเรียนก็จะตรวจสอบไปพร้อมๆ กันเลย ซึ่งเชื่อว่าอาจจะพบความผิดพลาดทางบัญชี แต่ก็ต้องดูเจตนาด้วยเช่นกัน
“หากพบว่ามีมูลก็จะนำหลักฐานส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนของ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไป”
ด้านนายสมพงษ์ เทพไหว นายกเทศมนตรี ต.หล่ายงาว กล่าวว่า ตามที่มีการร้องเรียนว่าการบริหารงานส่อไปในทางไม่โปร่งใสนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ค. 2557 ก็ได้ตรวจสอบการดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลฯ อย่างต่อเนื่อง และพร้อมให้ทำการตรวจสอบโครงการต่างๆ อย่างเต็มที่
นายสมพงษ์บอกว่า สาเหตุที่มีการร้องเรียนน่าจะมาจากการที่ตนได้กำชับเรื่องการบริหารจัดการระบบการเงินการคลัง เพราะไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้เรียบร้อย ครั้งหนึ่งเคยมีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2557 ให้ น.ส.จีณนันท์มาช่วยงานในตำแหน่งที่ปรึกษาของตนชั่วคราว และก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 ก็ไม่ได้เลื่อนขั้นให้
ด้านชีวิตความเป็นอยู่ของ น.ส.จีณนันท์ หลังได้ร้องเรียนโครงการในหน่วยงานตัวเองไปยังหลายหน่วยงาน รวมทั้งสื่อมวลชนแล้ว พบว่ายังคงทำงานที่เทศบาล ต.หล่ายงาวเช่นเดิม
เจ้าตัวระบุว่า มีผู้พยายามเชิญให้เข้าไปพูดคุยภายในห้องทำงาน แต่ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากเคยเกิดกรณีร้องเรียนกันถึงขั้นมีเรื่องถูกข่มขู่ และกระทบกระทั่งร่างกายมาแล้ว จึงยืนยันว่าจะทำงานโดยลงนามในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่ และไม่พูดคุยนอกรอบกับผู้ใดหากไม่มีเหตุจำเป็น
สำหรับเรื่องที่ น.ส.จีณนันท์เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้ง 41 โครงการนั้น นอกเหนือจากที่เคยปรากฏต่อสาธารณชนเรื่องการซื้อกล้อง, การก่อสร้างถนนที่ไม่ตรงกับกำหนดเวลาตรวจงาน และต้องนำมาเบิกจ่ายแล้ว ฯลฯ ยังมีโครงการอื่นๆ อีก
เช่น เมื่อปี 2556 มีโครงการจัดซื้อเสื้อยืดกีฬาจำนวน 55 ชุด เป็นเงินจำนวน 16,500 บาท ซึ่งได้มีการอนุมัติโครงการและผ่านคณะกรรมการตรวจรับพัสดุแล้ว เมื่อเรื่องมาถึงกองคลังเพื่อตั้งเบิกจ่ายเงิน กลับพบว่ามีการสกรีนชื่อร้านติดมาที่ด้านหลังของเสื้อ ทำให้ น.ส.จีณนันท์สงสัยว่าจะเป็นการกำหนดสินค้า หรือล็อกสเปก หรือล็อกโฆษณาของผู้ให้การสนับสนุนลงในสินค้าที่จะมอบแก่ทางราชการหรือไม่ และสงสัยว่าการตรวจรับที่ระบุว่ามีปริมาณและคุณภาพครบถ้วนถูกต้องหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องโครงการถังเก็บน้ำบ้านทุ่งทราย ม.3 มูลค่า 251,000 บาท ซึ่งมีการระบุว่าผู้บริหารได้มีใบรับรองผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง ลงวันที่ 31 ม.ค. 2557 และมอบให้กองคลังเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ปีเดียวกัน ซึ่งถือว่าไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ทั้งยังไม่ให้งานสารบรรณกองคลังลงเลขรับวันเดือนปีตามความจริง และหากต้องการหลักฐานเบิกจ่ายเงินให้ลงย้อนหลังเป็นวันที่ 31 ม.ค.
ส่วนโครงการจ้างเหมาก่อสร้างระบบไฟส่องสว่างชุมชนพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 987,000 บาท ปี 2557 มีการพิมพ์หนังสือให้ผู้รับเหมาโครงการนำมามอบให้เทศบาลฯ แล้วให้งานสารบรรณลงเลขรับล่วงหน้าไว้ การตรวจจ้างงานก็มีการให้ใบรับรองผลการปฏิบัติงานลงวันที่ 20 ก.พ. 2557 และมอบให้กองคลังตั้งเบิกวันที่ 19 มี.ค. 2557 จึงเห็นว่าไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
ในหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้มีการระบุด้วยว่า ครั้งนั้นมีการห้ามไม่ให้งานสารบรรณกองคลังลงเลข และรับวันเดือนปีตามความเป็นจริง ทำให้ไม่อาจปฏิบัติตามได้เพราะเกรงจะมีความผิด โดยเฉพาะเรื่องลงเลขหนังสือ เนื่องจากเป็นการลงย้อนหลัง และอาจไม่ทราบว่าราคากลางอยู่ในวงเงินที่ระบุจริงหรือไม่
กรณีนี้ น.ส.จีณนันท์ระบุเพิ่มเติมระหว่างเข้าร้องเรียนต่อสมาคมสื่อมวลชน และนักประชาสัมพันธ์เชียงราย ว่าหลังจากนั้นได้ถูกเรียกไปด่าว่าด้วยวาจาหยาบคาย เกรี้ยวกราด เช่น คนโง่ ควายกินหญ้า ฯลฯ มีการใช้มือขวากดไหล่ มือซ้ายกดแขนแล้วด่าเป็นเวลาร่วมชั่วโมง ก่อนที่เทศบาลฯ จะมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการ และมีผู้เข้าไปรื้อค้นห้องทำงาน ยึดทรัพย์สินที่ใช้ปฏิบัติงาน ฯลฯ
ล่าสุดยังมีโครงการถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดความกว้าง 5 เมตร ยาวกว่า 568 เมตร มูลค่า 1,845,000 บาท พื้นที่โครงการบ้านหล่ายงาว ม.1 ซอย 4 ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ และส่งมอบงานเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าผิวถนนแตกร้าวหลายจุด โดย น.ศ.จีณนันท์ระบุว่า ทางคณะกรรมการตรวจการจ้างกลับลงนามอนุมัติให้ผ่าน
ขณะที่โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กที่บ้านแจมป๋อง ม.5 ก็ไม่ผ่านการตรวจรับรองจากคณะกรรมการตรวจการจ้าง เพราะใช้วัสดุการก่อสร้างที่ไม่ตรงกับที่ระบุในสัญญา ทำให้ผู้รับเหมาต้องชดใช้ความเสียหายด้วยการสร้างถนนเพิ่มเติมจากเดิมอีกประมาณ 100 เมตร เป็นต้น
น.ส.จีณนันท์กล่าวว่า จากการที่ตนร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งคิดไม่ดีต่อผู้ใดหรือองค์กรใด แต่เพื่อป้องกันตนเองจากการที่ถูกกระทำต่างๆ นานา ปัจจุบันตนยังปฏิบัติงานอยู่ที่เดิม และต้องระมัดระวังอยู่เสมอ แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือในการทำงานกับทุกคน ส่วนหน่วยงานอื่นที่แจ้งให้ตนเดินทางไปให้ข้อมูล หรือไปพบที่สำนักงานนั้น ตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือโดยดี