xs
xsm
sm
md
lg

รองอธิบดีกรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ร่วมท้องถิ่นจับบริษัทเอกชนลอบขนถ่ายสารอันตรายทิ้งแหล่งน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม สนธิกำลังร่วมท้องถิ่น จับบริษัทเอกชนลอบขนถ่ายสารอันตรายทิ้งแหล่งน้ำกลางชุมชน พบคราบน้ำมัน และสารหล่อเย็นปนเปื้อนในบ่อน้ำพื้นที่กว้างกว่า 3 ไร่ เตรียมดำเนินคดีข้อหาหนัก พร้อมเร่งประสานหารับผู้รับผิดชอบ หวั่นสิ่งแวดล้อมเสียหาย

เย็นวันนี้ (30 เม.ย.) นายศักดา พันธุ์กล้า รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายสมชัย สิริสมบัติ ปลัดเทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง เจ้าหน้าที่เทศกิจ รุดไปตรวจสอบบริเวณบ่อน้ำในพื้นที่หมู่ 1 บ้านสังกะเปียว ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังได้รับแจ้งจากทางเทศบาลว่า ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปดักซุ่ม และสามารถคุมตัว นายทรงกฤษณ์ เกษตร อายุ 30 ปี คนขับ พร้อมตรวจยึดรถบรรทุก 10 ล้อ ของบริษัท พลูตาหลวง รีไซเคิล จำกัด ทะเบียน 70-1276 ชลบุรี ได้ หลังทำการขนสารอันตรายมาถ่ายเททิ้งไว้ในบ่อน้ำจนทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง และเกิดมลพิษทางกลิ่นอย่างรุนแรงจนชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบัน ได้แจ้งความดำเนินคดีพร้อมอายัดรถดังกล่าวไว้

โดยจากการตรวจสอบบ่อน้ำดังกล่าวพบว่า อยู่ในพื้นที่ของเอกชน ขนาดความกว้าง 5 เมตร ยาว 20 เมตร ลึก 6 เมตร กินพื้นที่กว่า 3 ไร่ ใกล้แหล่งชุมชน โดยพบว่า น้ำมีลักษณะขุ่นดำข้นเป็นขี้โล้คล้ายโคลน ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงกินพื้นที่ไปหลายตารางกิโลเมตร จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยวิเคราะห์โรงงานอุตสาหกรรม นำตัวอย่างน้ำจากบ่อดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์

นายศักดา เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งจากทางเทศบาลว่ามีบริษัทเอกชนบางรายนำสารอันตรายมาทิ้งในแหล่งน้ำ จึงได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า รถที่ขนถ่ายสารนี้เป็นของบริษัท พลูตาหลวง รีไซเคิล ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลพลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และรับขนถ่ายกากสารอันตรายชนิดน้ำมันหล่อลื่น และน้ำยาหล่อเย็น หรือโซเวนต์ มาจากบริษัทสยาม เอที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี เพื่อขนไปยังบริษัท โปรเกรส ในจังหวัดสระแก้ว เพื่อทำการกำจัด ซึ่งจากการประสานไปยังบริษัท สยาม เอที พบว่า มีการขออนุญาตจากกรมโรงงานฯ เพื่อขอขนถ่ายกากสารดังกล่าวไปทิ้งอย่างถูกต้อง

โดยว่าจ้างให้บริษัท พลูตาหลวง เป็นผู้ดำเนินการในอัตราเฉลี่ยวันละประมาณ 10-11 ตัน แต่ปรากฏว่า ทาง บ.พลูตาหลวง ซึ่งเพิ่งไปรับสารมาจากบริษัทกลับขนสารอันตรายมาทิ้งยังบ่อน้ำกลางชุมชนดังกล่าว จึงถือว่าเป็นเจตนาที่กระทำผิดโดยตรง เนื่องจากสารนี้เป็นสารอันตรายต้องห้ามที่ไม่สามารถครอบคอรบ และต้องกำจัดตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด เพราะหากกำจัดอย่างไม่ถูกต้องก็จะสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง

นายศักดา กล่าวต่อไปว่า สำหรับบ่อดังกล่าวคาดว่า มีการขนถ่ายมาทิ้งเป็นเวลานานแล้ว จนทำให้สภาพน้ำเกิดมลพิษเป็นอย่างมาก ซึ่งจากนี้จะต้องประสานไปทางบริษัทสยาม เอที ซึ่งเป็นต้นทางแม้จะไม่ได้กระทำผิด แต่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่จะต้องมาจัดการบำบัดน้ำในบ่อทันทีเพื่อคืนสภาพ ซึ่งคาดว่าคงจะใช้งบประมาณราว 5-6 ล้านบาท ในเวลาทำการประมาณ 1 เดือน

ขณะที่ทางบริษัทผู้รับขนถ่ายนั้นขณะนี้คงจะระบุได้ว่า กระทำผิดจริงตามกฎหมาย เนื่องจากมีเจตนาไม่ขนถ่ายสารไปกำจัดยังสถานที่ตามที่ได้ขออนุญาต จึงได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.โรงงาน ซึ่งมีโทษทางอาญาทั้งจำ และปรับ

ขณะที่เจ้าของที่ดินเองคงจะทำการเรียกตัวมาสอบสวนว่ารู้เห็นต่อการกระทำดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนี้ ในส่วนของคนขับเองก็ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และรถที่ใช้ขนถ่ายยังเป็นรถเถื่อนที่ไม่ได้ขอจดทะเบียนต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย ซึ่งคงต้องดำเนินการอย่างจริงจังต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น