ตำรวจสัตหีบไล่ล่าไอ้หื่นล้วงหน้าอกเด็กสาว

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภ.สัตหีบ ล่าไอ้หื่น “ตัน เขาคันธมาทน์” ล้วงหน้าอกเด็กสาวต่อหน้าสาธารณชน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายฤกษ์ไชย สพฤกษ์ อายุ 25 ปี นักข่าวประจำอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ได้นำตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี แฟนสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.วัชรพล ไวสุตรี พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ หลังถูก นายหัตถพงษ์ หรือตัน ฮินตัว อายุ 32 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 131/3 ซ.วัดเขาคันธมาทน์ ม.9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กระทำอนาจารล้วงจับเต้านมภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก

น.ส.เอ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้เข้าไปตามแฟนหนุ่มขณะนั่งกินอยู่ภายในร้านอาหาร ได้เดินผ่าน นายตัน ซึ่งนั่งอยู่กับกลุ่มพรรคพวกประมาณ 7 คน ตะโกนหวีดร้องแซวลวนลามทางสายตา จึงรีบไปบอกแฟนให้กลับบ้านเพราะเกรงจะเกิดเรื่อง แต่ไม่ทันขาดคำ นายตัน พร้อมพรรคพวกที่อยู่ในอาการเมาสุราได้เดินเข้ามาล้อมตน ก่อนจะเปิดฉากล็อกคอล้วงเข้าไปที่เต้านม มิหนำซ้ำยังให้พรรคพวกที่มาด้วยกันล้วงตาม เมื่อแฟนหนุ่มเห็นจึงเข้ามาช่วยดึงออก ก่อนจะมีกลุ่มพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ และไม่พอใจกลุ่มนี้ที่ก่อนหน้าได้แสดงความป่าเถื่อน ประกาศศักดาด้วยการถอดเสื้อขึ้นไปเต้นบนเก้าอี้โดยไม่เกรงใจผู้อื่นได้เข้ามารุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บเย็บเกือบ 10 เข็ม ถูกหามตัวนำส่งโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่เกรงกลัว หรือละอายต่อสังคม ตะโกนโวยวายท้าตีท้าต่อย โดยมีน้องชาย คือ นายปรุฬห์ หรือกล้วย ฮินตัว อายุ 31 ปี ที่แสดงความเก่งกล้า ประกาศศักดาต่อหน้าหญิงสาว โดยใช้ขวดตีเป็นปากฉลามหวังจะเข้ามาทำร้ายฝั่งคู่กรณี แต่การ์ดผู้ดูแลความเรียบร้อยก็เข้ามาห้ามปราม (กล้องวงจรปิดนอกร้านบันทึกหลักฐานไว้ได้ชัดเจน) และให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุไปรักษาตัวยังโรงพยาบาล เนื่องจากเสียเลือดมาก เบื้องต้น หลังเกิดเหตุฝ่ายผู้ก่อเหตุได้เข้าแจ้งความถูกทำร้ายร่างกาย แต่เนื่องด้วยพยาน และหลักฐานไม่เพียงพอจึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน ร.ต.อ.วัชรพล ไวสุตรี เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ เนื่องจากความผิดรัดกุมด้วยพยาน และหลักฐานแวดล้อม มีพลเมืองดีจำนวนมากเข้ามาร่วมเป็นพยาน แต่หากไม่มารายงานตัวก็พร้อมจะออกหมายจับฐานอนาจาร เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย เสื่อมเสียต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งจากประวัติผู้ก่อเหตุเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นโรงพักมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งล้วนเกิดจากฤทธิ์สุราทั้งสิ้น