เพชรบูรณ์ - ยึดผืนป่าพี่ชายอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพชรบูรณ์ คืนหลวง พบล้มไม้กลางป่าไม้ถาวรคาตออีก 7 ท่อน แถมทับซ้อนที่ทหาร พล.ม.1 ขอใช้ประโยชน์ ผอ.สำนัก 4 ยันเดินหน้าตามยุทธการ “เพชรบูรณ์ยั่งยืนขอคืน 2 หมื่นไร่” ส่วนผืนป่าพิษณุโลกเตรียมเปิดยุทธการก่อนสิ้นเดือนนี้
วันนี้ (22 เม.ย.) นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยฯ พช.8 (น้ำเดื่อ), หน่วยฯ พช.18 (น้ำชุน), หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 38, สายตรวจสำนักฯ 4 สายที่ 2, บก.ปทส.ตชด.31, ชุด ชป.ตชด.เพชรบูรณ์, ตำรวจภูธรบ้านกลาง, อบต.บ้านหวาย ร่วมกันตรวจยึดผืนป่าถูกบุกรุก บริเวณบ้านโนนสาวเอ้ ม.7 ต.บ้านหวาย และ ม.11 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรจำนวน 49-1-08 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายแก่รัฐ 3.36 ล้านบาท ตรวจยึดไม้กระยาเลย จำนวน 7 ท่อน ปริมาตร 0.175 ม. ใช้ดวงตรา ต.9320 และประทับตรายึด ย.1932 ปี 58
จากนั้นได้มอบหมายให้นายสมชาย ครุฑเกษ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 8 (น้ำเดื่อ) เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ทำไม้หวงห้ามและมาตรา 54 แผ้วถาง ยึดถือครอบครอง กระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า และมาตรา 69 มีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง
ก่อนการตรวจยึดพื้นที่ครั้งนี้ ผอ.สำนัก 4 พร้อมคณะได้เปิดการประชุมที่ อบต.บ้านหวาย เนื่องจากทราบว่าผู้ที่บุกรุกยึดถือครอบครองป่าไม้ถาวรคือนายปณิธาร ชวาลสันตติ อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 5 ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นพี่ชาย อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ร้องขอความเป็นธรรมถึงนายอำเภอหล่มสักว่า อบต.บ้านหวายได้รังวัดที่ดินทำกินของเขาเข้าเป็นที่ดิน นสล. (หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง) นายอำเภอจึงแจ้งให้นายก อบต.บ้านหวาย ชี้แจงข้อเท็จจริง
ต่อมานายก อบต.บ้านหวายจึงมีหนังสือถึงหลายหน่วยงาน คือ สำนักฯ 4 พล., กองพันทหารม้าที่ 28 พล.ม.1, ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน, ทสจ.พช.หน่วยป่องกันรักษาป่าที่ พช.8 (น้ำเดื่อ), กอ.รมน.จพช., ที่ดินอำเภอหล่มสัก เข้าร่วมประชุม ณ ที่ทำการ อบต.บ้านหวาย กับตัวแทน นายอำเภอหล่มสัก และเชิญนายปณิธาร ชวาลสันตติ ผู้ร้องร่วม ประชุมชี้แจงด้วย สรุปพื้นที่ดังกล่าว คือ
1. เมื่อปี 50 อบต.บ้านหวายได้รังวัดเพื่อทำเป็นที่ดินสาธารณะออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ และเสนอตามลำดับชั้นให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเป็นพื้นที่เดียวกันกับกองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 ได้ยื่นขอใช้พื้นที่ต่อกรมป่าไม้เพื่อใช้เป็นสนามฝึกยุทธวิธี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาต
2. ในการยื่นขอรังวัดจัดทำเป็นที่ดินสาธารณะนั้นเป็นหน้าที่ของ อบต.ดำเนินการต่อไป 3. พื้นที่ผู้ร้องขอความเป็นธรรมนั้นปัจจุบันเป็นป่าตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิใดๆ ได้ 4. ผู้ร้องไม่ยอมให้บันทึกถ้อยคำหรือลงนามอะไรว่าได้เป็นผู้ครอบครองที่ดิน โดยจะไปปรึกษาทนายก่อนและไม่ยอมไปชี้ที่เกิดเหตุด้วย จึงได้บันทึกส่งให้พนักงานสอบสวนให้กล่าวหาผู้ที่อ้างการครอบครองดังกล่าวแล้ว
เบื้องต้นทราบว่า นายปณิธารซื้อที่ดินผืนป่าดังกล่าวต่อจากคนในพื้นที่เมื่อปี 53 ซึ่งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร แปลงหมายเลข 10 และอยู่นอกแนวเขต ส.ป.ก. ในราคาหลายล้านบาท และป่าผืนนี้ยังทับซ้อนกับพื้นที่ที่กองพลทหารม้าที่ 1 ขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ (อยู่ในขั้นตอนพิจารณาอนุญาตจากกรมป่าไม้) และพื้นที่บริเวณนี้ก็ไม่ได้รับการผ่อนผันตามมติ ครม.30 มิ.ย. 41 และใช้ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ ใบ ภ.บ.ท.5 หน้าสำรวจ 420/41 มาแจ้งยืนยันเท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำหลักฐานดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนสถานีหล่มสักดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายมานพเปิดเผยว่า การยึดพื้นที่ป่าคืนเป็นนโยบายของกรมป่าไม้ที่จะขอพื้นที่คืนทั่วประเทศ 4 ล้านกว่าไร่ และกรมอุทยานฯ อีก 2 ล้านกว่าไร่ ซึ่งการยึดผืนป่านายทุนที่ อ.หล่มสักครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ “เพชรบูรณ์ยั่งยืนขอคืน 2 หมื่นไร่” ส่วนปฏิบัติการของพิษณุโลกจะเริ่ม 29 เมษายนนี้ ใช้ชื่อ “ยุทธการแควน้อยยั่งยืนยึดคืน 2 หมื่นไร่” ก็ขอวิงวอนนายทุนอย่าไปซื้อที่ป่า ขอให้ยุติ ถ้าเราขาดป่า เราก็อยู่ไม่ได้ เราไม่ได้กลั่นแกล้งนายทุนใดๆ เราทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่มีการเลือกปฏิบัติ