นักสะสมแห่ขึ้นทะเบียนงาช้างที่ราชบุรีคึกคัก ก่อนสิ้นสุดการขึ้นทะเบียนพรุ่งนี้ (ชมคลิป)

ราชบุรี - ปชช.หลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งผู้นิยมพระเครื่อง พระ ทหาร เดินทางขึ้นทะเบียนการครอบครองงาช้าง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้าง ที่ห้องประชุมวิหคเหิร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ราชบุรีคึกคัก หลังจะครบกำหนดหยุดการขึ้นทะเบียนในวันพรุ่งนี้


เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ห้องประชุมวิหคเหิร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จังหวัดราชบุรี ประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งผู้นิยมพระเครื่อง พระภิกษุ ทหาร ได้เดินทางมาขึ้นทะเบียนการครอบครองงาช้าง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้าง หลังจะครบกำหนดหยุดการขึ้นทะเบียนในวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) เป็นวันสุดท้าย ทำให้วันนี้มีประชาชนจากหลายจังหวัดต่างนำผลิตภัณฑ์ทั้งงาช้าง กรงนก เครื่องดนตรี เครื่องรางของขลังที่ทำจากงาช้าง เดินทางมาขึ้นทะเบียนแจ้งการครอบครองเป็นจำนวนมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องแจกบัตรคิวเพื่อรอการตรวจสอบ

นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ในฐานะหัวหน้าสายตรวจงาช้าง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สายที่ 1 เปิดเผยว่า ได้รับขึ้นทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์-วันที่ 21 เมษายน 2558 โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) มีเขตพื้นที่รับผิดชอบใน 7 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม ขณะนี้ได้รับแจ้งยอดสะสมมาแล้ว จำนวน 1,603 ราย เป็นงาช้างสมบูรณ์ 1,986 กิ่ง น้ำหนักกว่า 8,063.127 กิโลกรัม งาท่อน จำนวน 250 ท่อน น้ำหนัก 104.61 กิโลกรัม ผลิตภัณฑ์งาช้างประมาณ 32,024 ชิ้น น้ำหนัก 845.48 กิโลกรัม

สำหรับวันนี้มีประชาชนแห่มาขึ้นทะเบียนตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วกว่า 100 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะรับขึ้นทะเบียนไปจนถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ หลังจากการขึ้นทะเบียนแล้วหากจะเปิดเป็นร้านค้ารับซื้อขายงาช้างจะต้องมาขออนุญาตจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) หรือที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ส่วนคนที่ได้มาขึ้นทะเบียนซื้อขายแลกเปลี่ยนกันก็จะมีใบอนุญาตขึ้นทะเบียน และจะมีเวลาซื้อขายกันภายในเวลา 30 วัน สำหรับการรับขึ้นทะเบียนเฉพาะงาช้างบ้านเท่านั้น แต่หากเป็นงาช้างจากแอฟริกา งาช้างดึกดำบรรพ์ ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ได้รับขึ้นทะเบียนเพราะถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่หากมีการนำมาขึ้นทะเบียน และเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า เป็นงาช้างต่างประเทศก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีพระภิกษุ ทหาร ประชาชนหลากหลายอาชีพนำผลิตภัณฑ์งาช้าง เช่น เครื่องดนตรี เช่น ซออู้ ซึ่งมีราคาถึง 2 แสน 5 หมื่นบาท และซอ 3 สายราคา 8 แสนบาท พร้อมพระเครื่อง พระบูชา มีดด้ามงาช้าง สร้อยคอ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีกรงนกของ นายบุญเลิศ เอกรัตนกาล ชาวกรุงเทพฯ ได้นำกรงใส่นกกรงหัวจุกที่เลี้ยงไว้ และได้ซื้อกรงนกจากจังหวัดตรัง ที่ทำจากไม้พะยูง ไม้ขาวดำ แกะสลักฝังด้วยงาช้างมีลวดลายสวยงาม จำนวน 5 กรงๆ ละ 2 แสนบาท รวม 1 ล้านบาท มาขึ้นทะเบียน รวมทั้งพระภิกษุจากวัดในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดต่างๆ ก็ได้นำงาช้างท่อนเดินทางมาขึ้นทะเบียนร่วมกับประชาชนจากต่างจังหวัด โดยจะสามารถมาแจ้งการครอบครองขึ้นทะเบียนได้จนถึงวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.)