อ่างทอง - หนุ่มใหญ่วัย 42 ปี ชาวอ่างทอง บุกขโมยหมูสดจากเขียงหมูในตลาดสดเทศบาล 2 เมิองอ่างทอง หนักกว่า 10 กิโลกรัมต่อหน้าแม่ค้าก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีเข้าบ้าน เจ้าทุกข์จำทะเบียนรถได้แม่นให้ลูกชายซิ่งบิ๊กไบค์ไล่ตามจนพบบ้าน แจ้งตำรวจคุมตัวไปสอบสวน ยอมรับสารภาพตกงาน ทะเลาะกับเมีย ไม่มีเงินซื้ออาหาร
วันนี้ (5 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางวิลัย ภู่สุวรรณ์ อายุ 57 ปี และลูกสาวกำลังขายหมูอยู่ภายในเขียงหมูกำนันเอนก-วิลัย ตั้งอยู่ในตลาดสดเทศบาล 2 ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้มีชายวัยกลางคนใส่หมวกกันน็อกสีน้ำเงิน เดินเข้ามาที่เขียงดังกล่าว จากนั้นได้ตรงเข้าไปหยิบก้อนเนื้อหมูที่ยังไม่ได้ชำแหละน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม วิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นสเปซี่ไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กข 1698 อ่างทอง แล้วสตาร์ทเครื่องขับหลบหนีไป
นางวิลัย กล่าวว่า ขณะที่ตน และลูกสาวกำลังขายหมูอยู่ที่เขียงอยู่ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหยิบก้อนเนื้อหมูที่ยังไม่ได้ชำแหละน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม แล้วได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนตกใจจึงร้องตะโกนให้คนช่วยด้วย และความโมโหจึงได้ขว้างมีดบังตอใส่คนร้ายแต่ไม่โดน โดยขณะนั้นลูกชายของตนที่ขี่รถบิ๊กไบค์มาหาที่เขียงพอดีได้ขับขี่ตามไปติดๆ จนทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่เข้าไปจอดหลบอยู่ภายในบ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ 10 ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง ในชุมชนโพธิ์ล้อมตาล
ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมชาย โพธิ์ทอง อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ทางเจ้าทุกข์ยืนยันว่าจำทะเบียนรถได้ และนายสมชาย ได้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ทางนางวิลัย จึงได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจาก ร.ต.ท.จตุพล เทสินทโชติ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ประสานชุดสืบสวนนำตัวนายสมชาย มาสอบปากคำ จนนายสมชาย ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนที่ขโมยก้อนเนื้อหมูไปจริง
นายสมชาย กล่าวว่า ตนทำงานเป็นคนงานของร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งในตลาดอ่างทอง แต่ไม่ได้ไปทำงานมาหลายวันแล้วจึงไม่มีเงิน เมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้ทะเลาะกับภรรยาเรื่องไม่มีเงินไปซื้อกับข้าว ด้วยความเครียดจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อสุรามาดื่ม จากนั้นจึงได้เข้าไปก่อเหตุลักหมูที่เขียงดังกล่าว แล้วขี่รถหลบหนีเข้าบ้านทำทีว่าไม่ได้ออกไปไหน
ร.ต.ท.จตุพล กล่าวว่า เบื้องต้น ทางนายสมชาย ได้ยอมรับว่าขโมยเนื้อหมูไปจริง เพราะสาเหตุที่ไม่มีเงินไปซื้อกับข้าว และมีลูกหลานที่ต้องดูแลเยอะ แล้วได้ก้มลงกราบขอขมาเจ้าทุกข์ ซึ่งทางเจ้าทุกข์ก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด เพียงแต่ให้สัญญาว่าจะไม่ทำอีก ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ใหญ่บ้านมาเป็นพยานก่อนที่จะปล่อยตัวกลับไป