น่าน - ชาวบ้านริมน้ำน่านพลิกวิกฤตเป็นโอกาส หลังน้ำลดระดับไม่สามารถทำสวน-ทำนาได้ ผันตัวเองมาเป็นนักขุดดิน หิน กรวด ทรายขายให้นายทุนที่นำรถบรรทุกมารับซื้อถึงที่ สร้างรายได้วันละ 1,000-1,500 บาท
จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในจังหวัดน่านส่งผลให้ลำน้ำต่างๆ แห้งขอด โดยเฉพาะลำน้ำน่านที่เป็นแม่น้ำสายหลักตื้นเขิน สันดอนทรายโผล่เป็นช่วงๆ ทำให้เกษตรกรที่อยู่ตามริมน้ำน่านที่เคยประกอบอาชีพปลูกพืชผัก ต้องเปลี่ยนอาชีพมาดำน้ำหากรวดหินทรายขายให้นายทุนที่นำรถบรรทุกมารับซื้อถึงริมฝั่ง สามารถสร้างรายได้ถึงวันละ 1,500 บาท
ทั้งนี้ ชาวบ้านท่าลี่ ต.ในเวียง อ.เมือง และบ้านศรีบุญเรือง ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง ซึ่งอาศัยอยู่ริมน้ำน่าน จะนำเรือท้องแบนและเกวียนเทียมวัว-ควายไปลอยลำอยู่กลางแม่น้ำบริเวณที่มีหินทรายโผล่ แล้วดำน้ำนำบุ้งกี๋ใส่หินทราย จากนั้นก็ร่อนจนเศษดิน และวัสดุที่ไม่ต้องการออกจนหมดจึงจะเทลงใส่เรือและเกวียนที่ลอยลำรออยู่ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนเต็มลำเรือและเกวียน เสร็จแล้วจะนำขึ้นฝั่งเพื่อเทกองไว้ริมน้ำเตรียมขายให้นายทุนที่จะนำรถมาซื้อถึงที่ในราคาหินลูกบาศก์เมตรละ 300 บาท และทราย 500 บาท
นายสุวิทย์ จักรแก้ว ชาวบ้านดอนตัน หมู่ 10 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ผู้ผันตัวเองจากการปลูกพืชมาขุดหินในแม่น้ำ เปิดเผยว่า ช่วงหน้าแล้งนี้ไม่สามารถปลูกพืชผักได้ จึงหันมาประกอบอาชีพด้วยการดำน้ำหาหิน กรวด และทรายขายให้ร้านค้าเพื่อนำไปทำการก่อสร้าง โดยขายหินได้คิวละ 250 บาท มีรายได้วันละ 1,000-1,500 บาท แล้วแต่กำลังที่จะหาได้ในแต่ละวัน ซึ่งถือว่าคุ้มมากเนื่องจากไม่มีต้นทุน เพราะหินทรายที่ขุดก็มาจากธรรมชาติที่จะไหลมาช่วงหน้าน้ำหลากทุกปี มีเพียงแรงงานตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้น่าจะสามารถหารายได้จากการดำน้ำหาหินขายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทเนื่องจากมีวัตถุดิบมาก เพราะช่วงหน้าฝนที่ผ่านมาน้ำพัดหินทรายมามาก โดยจะทำบริเวณลำน้ำน่านที่อยู่ช่วงท้ายๆ เมืองหรือหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศ และทำให้น้ำขุ่นเป็นปัญหาต่อการใช้น้ำของชุมชนหรือหมู่บ้านได้