อุตรดิตถ์ - พบองค์พระขนาดใหญ่ที่สุดในอุตรดิตถ์ บนที่ดินเหมือนเกาะกลางน้ำน่าน ถูกปล่อยชำรุดทรุดโทรม มีรอยแตกร้าวทั่วองค์ เผยในอดีตเคยจัดกิจกรรมทางศาสนาต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันไร้การเหลียวแล
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้องค์พระสีขาวขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ หรือ “หลวงพ่อเมตตาชัยมงคล” ขนาดความกว้าง 17 เมตร สูง 35 เมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ดินซึ่งลักษณะเหมือนเกาะกลางแม่น้ำน่านของวัดบุพพาราม หมู่ 1 ต.บ้านโคน อ.พิชัย ที่ตากแดดตากฝนมานานกว่า 26 ปีแล้ว มีรอยร้าวเกิดขึ้นทั่วทั้งองค์
ก่อสร้างเมื่อปี 2531 จากการบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยของชาวบ้าน โดยมีนายโกย-นางแถม ปานสมบัติ ชาว ต.บ้านโคน ที่เป็นประธานสร้างองค์พระ แต่ปัจจุบันองค์พระสีขาวแตกร้าวทั่วทั้งองค์ เนื่องจากตากแดดตากฝนมานานกว่า 26 ปีแล้ว
นายแสงดาว มาสุต อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 บ้านโคน หมู่ 2 ต.บ้านโคน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ในฐานะลูกเขยของนายโกย-นางแถม ปานสมบัติ ชาว ต.บ้านโคน ที่เป็นประธานสร้างองค์พระ กล่าวว่า เมื่อปี 31 พ่อตา กับแม่ยายตนได้เป็นประธานในการก่อสร้างองค์หลวงพ่อเมตตาชัยมงคล โดยตั้งใจให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ให้วัดของหมู่บ้านเป็นที่น่าเลื่อมใส ประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่จะต้องเข้ามากราบไหว้ เพราะเป็นพระองค์ใหญ่ที่สุดใน จ.อุตรดิตถ์
โดยรวบรวมเงินได้ราว 2 ล้านบาทเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ปูน ทราย เหล็ก อิฐ เสาเข็ม 27 ต้น ตอกลงลึกในพื้นดิน 10 เมตร จ้างช่างฝีมือจาก จ.สุโขทัยอีก 5 แสนบาท หลังจากก่อสร้างเสร็จแล้วก็มีการปลุกเสก เบิกเนตร จัดพิธีอย่างใหญ่โต จากนั้นประชาชนก็มีการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำบุญตักบาตร บวชสามเณรภาคฤดูร้อน ฯลฯ
แต่หลังจากสร้างเสร็จราว 6 ปี องค์พระก็เริ่มแตกร้าวเพราะตั้งอยู่กลางแจ้ง ตากแดดตากฝนตลอดเวลา ซึ่งตอนแรกก็ไม่มากนัก ลูกหลานของนายโกย และนางแถม รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาก็ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อทำการทำนุบำรุงให้กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม
กระทั่งเมื่อราว 10 ปีที่ผ่านมาก็พบว่ามีการแตกร้าวขึ้นอีกจนทั่วทั้งองค์พระ แต่ครั้งนี้ไม่มีงบประมาณที่จะนำมาปรับปรุงซ่อมแซมได้อีกแล้ว ผู้นำหมู่บ้านทั้งท้องที่ และท้องถิ่นก็ไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาดูแลปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อไม่มีใครเป็นผู้เริ่มต้นชาวบ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
พระเกษม กิตติโสภโณ รองเจ้าอาวาสวัดบุพพาราม กล่าวว่า วัดไม่มีงบประมาณที่จะนำมาซ่อมแซมองค์พระให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ ทุกปีที่จัดทอดกฐินผ้าป่าก็นำไปบูรณะซ่อมแซมและก่อสร้างศาสนสถานอย่างอื่น ส่วนงบประมาณที่จะนำมาปรับปรุงอุดรอยแตก หรือทาสีใหม่ให้เป็นสีเหลือง ก็ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน จะขอบริจาคจากประชาชนในหมู่บ้านก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนประชาชนที่ต้องดิ้นรนหากินมากพออยู่แล้ว
“หลังก่อสร้างองค์พระเสร็จก็มีการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยองค์พระตั้งห่างจากวัดพอสมควร ระยะหลังจึงไม่ค่อยมีการจัดงานอีก น่าเสียดายหากปล่อยให้องค์พระขนาดใหญ่ที่สุดใน จ.อุตรดิตถ์ต้องทรุดโทรมหรือพังเสียหายลงไป จึงอยากให้ผู้มีจิตศรัทธาหรือหน่วยงานในระดับจังหวัด ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด หรือกรมการศาสนาเข้ามาดูแล โดยการนำเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลสำรวจความเสียหายแล้วนำงบประมาณมาซ่อมแซม” พระเกษมกล่าว
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้องค์พระสีขาวขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ หรือ “หลวงพ่อเมตตาชัยมงคล” ขนาดความกว้าง 17 เมตร สูง 35 เมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ดินซึ่งลักษณะเหมือนเกาะกลางแม่น้ำน่านของวัดบุพพาราม หมู่ 1 ต.บ้านโคน อ.พิชัย ที่ตากแดดตากฝนมานานกว่า 26 ปีแล้ว มีรอยร้าวเกิดขึ้นทั่วทั้งองค์
ก่อสร้างเมื่อปี 2531 จากการบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยของชาวบ้าน โดยมีนายโกย-นางแถม ปานสมบัติ ชาว ต.บ้านโคน ที่เป็นประธานสร้างองค์พระ แต่ปัจจุบันองค์พระสีขาวแตกร้าวทั่วทั้งองค์ เนื่องจากตากแดดตากฝนมานานกว่า 26 ปีแล้ว
นายแสงดาว มาสุต อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 บ้านโคน หมู่ 2 ต.บ้านโคน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ในฐานะลูกเขยของนายโกย-นางแถม ปานสมบัติ ชาว ต.บ้านโคน ที่เป็นประธานสร้างองค์พระ กล่าวว่า เมื่อปี 31 พ่อตา กับแม่ยายตนได้เป็นประธานในการก่อสร้างองค์หลวงพ่อเมตตาชัยมงคล โดยตั้งใจให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ให้วัดของหมู่บ้านเป็นที่น่าเลื่อมใส ประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่จะต้องเข้ามากราบไหว้ เพราะเป็นพระองค์ใหญ่ที่สุดใน จ.อุตรดิตถ์
โดยรวบรวมเงินได้ราว 2 ล้านบาทเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ปูน ทราย เหล็ก อิฐ เสาเข็ม 27 ต้น ตอกลงลึกในพื้นดิน 10 เมตร จ้างช่างฝีมือจาก จ.สุโขทัยอีก 5 แสนบาท หลังจากก่อสร้างเสร็จแล้วก็มีการปลุกเสก เบิกเนตร จัดพิธีอย่างใหญ่โต จากนั้นประชาชนก็มีการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำบุญตักบาตร บวชสามเณรภาคฤดูร้อน ฯลฯ
แต่หลังจากสร้างเสร็จราว 6 ปี องค์พระก็เริ่มแตกร้าวเพราะตั้งอยู่กลางแจ้ง ตากแดดตากฝนตลอดเวลา ซึ่งตอนแรกก็ไม่มากนัก ลูกหลานของนายโกย และนางแถม รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาก็ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อทำการทำนุบำรุงให้กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม
กระทั่งเมื่อราว 10 ปีที่ผ่านมาก็พบว่ามีการแตกร้าวขึ้นอีกจนทั่วทั้งองค์พระ แต่ครั้งนี้ไม่มีงบประมาณที่จะนำมาปรับปรุงซ่อมแซมได้อีกแล้ว ผู้นำหมู่บ้านทั้งท้องที่ และท้องถิ่นก็ไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาดูแลปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อไม่มีใครเป็นผู้เริ่มต้นชาวบ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
พระเกษม กิตติโสภโณ รองเจ้าอาวาสวัดบุพพาราม กล่าวว่า วัดไม่มีงบประมาณที่จะนำมาซ่อมแซมองค์พระให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ ทุกปีที่จัดทอดกฐินผ้าป่าก็นำไปบูรณะซ่อมแซมและก่อสร้างศาสนสถานอย่างอื่น ส่วนงบประมาณที่จะนำมาปรับปรุงอุดรอยแตก หรือทาสีใหม่ให้เป็นสีเหลือง ก็ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน จะขอบริจาคจากประชาชนในหมู่บ้านก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนประชาชนที่ต้องดิ้นรนหากินมากพออยู่แล้ว
“หลังก่อสร้างองค์พระเสร็จก็มีการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยองค์พระตั้งห่างจากวัดพอสมควร ระยะหลังจึงไม่ค่อยมีการจัดงานอีก น่าเสียดายหากปล่อยให้องค์พระขนาดใหญ่ที่สุดใน จ.อุตรดิตถ์ต้องทรุดโทรมหรือพังเสียหายลงไป จึงอยากให้ผู้มีจิตศรัทธาหรือหน่วยงานในระดับจังหวัด ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด หรือกรมการศาสนาเข้ามาดูแล โดยการนำเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลสำรวจความเสียหายแล้วนำงบประมาณมาซ่อมแซม” พระเกษมกล่าว