ลำปาง - คุณยายวัย 63 ปีชาวบ้านเหียง พื้นที่เป้าหมายตั้งโรงไฟฟ้าขยะลำปาง ติดป้ายประกาศขายบ้าน-ที่ดิน รวม 3 แปลงหนีโรงไฟฟ้าฯ แล้ว บอกสุดทน อยู่มาตลอดชีวิตไม่เคยเจอ ชาวบ้านจัดเวทีให้ความรู้กันทุกคืนไม่เคยเห็นหัวส่วนราชการ-ผู้นำชุมชนมาช่วย แถมมีแต่ห้ามอ้างกฎอัยการศึก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น
วันนี้ (23 มี.ค.) นางหม้อก ปัญญาพี่ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 318 บ้านป่าเหียง ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง เขียนข้อความติดไว้หน้าบ้านว่า “บ้านหลังนี้ขายด่วนหนีโรงไฟฟ้าขยะ” มาติดไว้หน้าบ้านของตนเอง และญาติพี่น้องซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน รวม 3 หลัง
นางหม้อกได้เปิดเผยด้วยความอัดอั้นตันใจว่า ตนเองจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะไปอยู่กับลูกหลานที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เพราะไม่ต้องการขยะ ทั้งๆ ที่ตนอยู่บ้านหลังนี้มาร่วม 20 ปี คิดถึงสมัยปู่ย่าตายายไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน เคยอยู่ด้วยกันมาอย่างสงบสุข อยู่มาเกือบจะ 64 ปีไม่เคยเจอว่าชาวบ้านจะออกมาเดินประท้วงแบบนี้ เคยเห็นแต่บ้านอื่นที่เดินประท้วง ไม่เคยคิดเลยว่าหมู่บ้านของเราจะมาเจอเสียเอง จะมาตกที่ตัวเองถึงได้รู้ว่าการประท้วงเป็นอย่างไร
“ทหารคืนความสุขให้กับประชาชน สุดท้ายทหารบอกว่า ประชุมไม่ได้ แล้วนายกฯ ทำไมไม่มาช่วยชาวบ้าน หรือจะปล่อยให้ประชาชนฆ่าฟันกันเหรอ ประชุมไม่รู้กี่ครั้งไม่เห็นใครมาให้ความรู้ ไม่มาชี้แจง ไม่มีใครเสนอมาช่วยเหลือเลย บ้านเมืองแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ อยากรู้ว่าบ้านเมืองจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ ไม่มาช่วยมีแต่ห้าม ห้าม ห้าม มันไม่ถูกต้อง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้”
ยายหม้อกกล่าวอีกว่า เดิมชาวบ้านอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด ตั้งแต่รู้ว่าจะมีโรงไฟฟ้าขยะเข้ามาในหมู่บ้านตนเองนอนไม่หลับ น้ำหนักลด เห็นแบบนี้จึงคิดว่าตัดสินใจขายบ้านหนีดีกว่า หากขยะเข้ามาใครจะมาซื้อ ดังนั้นชิงขายบ้านหนีไปอยู่กับลูกกับหลานก่อนดีกว่า
โดยที่ดิน 3 แปลงนี้ แปลงแรกขาย 1.5 ล้านบาท และบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบัน และที่ดินที่ติดกันขาย 7 ล้านบาท ต้องขายก่อนหากขยะมาก็คงอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้ทุกอย่างกฎหมายบังคับหมด แม้แต่ผู้นำก็ไม่เคยมาทำความเข้าใจชาวบ้าน ไม่มาเลย แม้ชาวบ้านจะมีการประชุมกันทุกวันก็ไม่มีใครมา
“ขยะ แม้ว่าเผาออกมาขี้เถ้าจะเป็นทองคำฉันก็ไม่เอา”
ทั้งนี้ จะเห็นว่าที่ผ่านมาชาวบ้านในหลายหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบสถานที่ที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ ได้มีการจัดประชุมตามวิถีชาวบ้าน โดยเชิญนักวิชาการที่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกับชาวบ้านทุกคืนหลังจากที่ทุกคนกลับจากทำงานในเรือกสวนไร่นา แต่ทว่าทางราชการ โดยผู้นำหมู่บ้านกลับประกาศห้ามไม่ให้ชาวบ้านจัดการประชุม โดยอ้างว่าทหารห้าม เนื่องจากผิดกฎหมาย ผิดกฎอัยการศึก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านระบุว่าการประชุมดังกล่าวไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นเวทีที่จะพูดคุย และให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ที่ผ่านมาทุกคืนการประชุมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมาโดยตลอด แม้ผู้นำชุมชนหรือส่วนราชการจะไม่เข้าร่วมเลยก็ตาม
แต่ตรงกันข้าม บริษัทเอกชน ซึ่งจะเข้ามาตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะ ได้มีการเชิญ อสม.และผู้นำชุมชนจำนวนมากเข้าไปรับฟังแผนงานของโครงการในบริเวณโรงงานกำจัดขยะของ อบจ.มาตลอดโดยไม่มีการสั่งห้ามแต่อย่างใด