xs
xsm
sm
md
lg

โต้ข่าวลือ “โรคลิซมาเนีย” ระบาดเชียงใหม่ คร.ยันปีนี้ยังไม่พบผู้ป่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมควบคุมโรค ยัน ปีนี้ยังไม่พบผู้ป่วยโรคลิซมาเนีย หลังมีการแพร่ข้อมูลพบผู้ป่วยกว่า 20 รายที่เชียงใหม่ ระบุปี 2539 - 2557 พบผู้ป่วยสะสมเพียง 23 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ชี้โรคนี้มียารักษา แนะวิธีป้องกัน

วันนี้ (20 มี.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีการแชร์ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียว่า “มี Sand fly นำโรค Lesihmaniasis ระบาดที่จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ป่วยแล้วกว่า 20 ราย โปรดระมัดระวัง Sand fly กัด ซึ่งมีพิษที่ร้ายพอๆ กับยุง” โดยอ้างชื่อโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สวนดอก) ทำให้ผู้คนที่รู้ข่าวตื่นกลัวกันทั่ว ว่า สถานการณ์โรคลิชมาเนียในไทย มีรายงานผู้ป่วยครั้งแรก ในปี 2503 เป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากตะวันออกกลาง ต่อมา ปี 2539 พบผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อในประเทศ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นปี 2539 - 2557 พบผู้ป่วยคนไทยสะสมทั้งหมด 23 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อเอชไอวี - เอดส์ ร่วมด้วย ยังไม่พบว่ามีการเสียชีวิตจากโรคลิชมาเนีย และในปี 2557 พบผู้ป่วย 2 ราย เป็นวัยแรงงาน มีอาชีพเกษตรกรรมทำไร่และทำสวน ส่วนปีนี้ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศไทย

นพ.โสภณ กล่าวว่า โรคลิชมาเนีย หรือ โรคคาลาอาซาร์ (Kala-azar) เป็นโรคที่เกิดในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง เช่น กระรอก กระแต หนู สุนัข เป็นต้น และแพร่มาสู่คน โดยริ้นฝอยทรายเพศเมีย (sand fly) ซึ่งเป็นแมลงอาศัยอยู่ตามพื้นดิน ในที่มืด อากาศเย็น และมีความชื้น เช่น กองอิฐ กองหิน กองไม้ฟืน จอมปลวกเก่า หรือตามพื้นดินที่มีใบไม้ปกคลุมในป่าทึบ และใกล้คอกสัตว์ เป็นพาหะนำเชื้อ ริ้นฝอยทรายจะดูดเลือดของสัตว์ที่มีเชื้อโปรโตซัวลิชมาเนียซึ่งอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวสัตว์ และมากัดคนต่อ หลังคนติดเชื้อจะมีระยะฟักตัวเฉลี่ย 3 - 6 เดือน จึงปรากฏอาการป่วยแบบค่อยเป็นค่อยไป คือ มีไข้เรื้อรัง เป็นๆ หายๆ มีอาการซีด และอาจมีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ท้องอืด ตับม้ามโต น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต ผิวหนังคล้ำขึ้น ไม่มีแรง บางรายมีแผลที่ผิวหนัง และที่เยื่อบุรอบปากและจมูก แผลมี 2 ลักษณะ คือมีแผลที่รอยกัดจะเป็นตุ่มแดงและแตก เป็นแผล ไม่เจ็บ ใช้เวลารักษานานหลายปี อาจเป็นๆหายๆ แผลมักขึ้นที่หน้าและใบหู โรคนี้มียารักษา อย่างไรก็ตามโรคนี้อาจมีโรคแทรกซ้อนเกิดตามมาได้ เช่น ปอดบวม ซูบซีด กระเพาะอาหารลำไส้อักเสบ หากไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาช้าอาจเสียชีวิตได้

การป้องกันโรคลิชมาเนีย คือ การป้องกันไม่ให้ริ้นฝอยทรายกัด ได้แก่ 1. ประชาชนที่เข้าป่า ไปถ้ำ ทำสวน ทำไร่ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดรัดกุม เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมรองเท้า ยัดปลายขากางเกงในรองเท้ายัดปลายเสื้อในกางเกง ทายากันยุง เป็นต้น ซึ่งจะป้องกันได้ เนื่องจากริ้นฝอยทรายมีปากสั้น ไม่สามารถกัดผ่านเสื้อผ้าได้ พักค้างควรนอนในมุ้ง และไม่ควรอยู่นอกบ้านช่วงพลบค่ำ ซึ่งริ้นฝอยทรายออกหากินมาก 2. ทายากันแมลงบริเวณผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้า 3. นอนกางมุ้งที่ชุบด้วยสารเคมีป้องกันยุงและแมลง ดูแลบริเวณบ้านเรือนให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย 4. หลังกลับจากพื้นที่โรคระบาด ภายใน 3 - 6 เดือน หากมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย มีอาการท้องเดิน ท้องผูก เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ให้พบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อการรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง” นพ.โสภณ กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น