นครพนม - ประธานสโมสรนครพนม เอฟซี พร้อมผู้บริหาร นักเตะ ร้องขอความเป็นธรรม ตรวจสอบมาตรฐานกรรมการตัดสิน หลังนักเตะถูกผู้เล่นนอกสนามชกต่อย นัดพบเลย ซิตี้ ต้องหยุดแข่งขันก่อนหมดเวลา สุดท้ายถูกสั่งแบน 1 ปี จี้หาข้อเท็จจริง ยันพร้อมต่อสู้ล้างระบบมาเฟียฟุตบอล
นายพิสิษฐ อ้นมา ประธานสโมสรนครพนม เอฟซี นายจักรพงศ์ อ้นมา รองประธานสโมสร นายจตุรพล บำรุงโชค ผู้จัดการทีม นายชัยชิต จับจิตร์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม รวมถึงผู้ฝึกสอน และนักฟุตบอลในสังกัดสโมสรนครพนม เอฟซี แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง ขอความเป็นธรรม และร้องขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบกรณีคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 มีคำสั่งที่ ฟภ.013/2558 ลงวันที่ 11 มี.ค. 58 ระบุว่าตามที่คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท และข้อประท้วงฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 มีมติการประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 58
ตามรายงานที่ได้รับจากผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน คณะกรรมการตัดสิน กรณีจากการที่นครพนม เอฟซี ไปเยือนเลย ซิตี้ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 58 จนกระทั่งการแข่งขันเกิดปัญหา นครพนม เอฟซี วอล์คเอาท์ออกจากสนามก่อนหมดการแข่งขันประมาณ 10 นาที ซึ่งในเกม เลย ซิตี้ ยิงนำไป 1 ประตูต่อ 0
ผลการประชุมมีคำสั่ง 3 ข้อหลัก คือ 1.ห้ามผู้เล่นหมายเลข 10 ลงแข่งขัน 6 นัด ความผิดทำร้ายร่างกายผู้เล่นคู่แข่งขันปรับ 30,000 บาท 2. ปรับเงิน 10,000 บาท กรณีนายจตุรพล บำรุงโชค ผู้จัดการทีม ประท้วงคำตัดสิน และให้นักกีฬาหยุดแข่งขัน และ 3.ทีมนครพนม เอฟซี ไม่ลงทำการแข่งขันต่อจนหมดเวลา ถือว่าผิดระเบียบ ห้ามแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี ปรับแพ้ 2 ลูก ค่าปรับ 1.4 แสนบาท
ทั้งนี้ จากคำพิจารณาตัดสิน ทางสโมสรนครพนม เอฟซี ถือว่าบิดเบือนข้อเท็จจริง และไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่เกมในการแข่งขันมีพยานหลักฐานในสนามชัดเจน เชื่อว่ามีขบวนการสร้างอิทธิพลมาเฟียในวงการฟุตบอลดิวิชั่น 2 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลภูมิภาค และลูกหลานเยาวชน ทางสโมสรนครพนม เอฟซี จึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้คณะกรรมการจัดการแข่งขันออกมารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้กับสโมสรนครพนม เอฟซี
นายพิสิษฐ กล่าวว่า ทุ่มเทเป็นประธานสโมสร มา 4-5 ปี ยอมเสียเวลาเพราะต้องการสนับสนุน ให้โอกาสลูกหลานเยาวชน และอยากเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวงการฟุตบอลภูมิภาค เพราะปัจจุบันหลายทีมเกิดความท้อจากงบประมาณไม่เพียงพอ ต้องควักกระเป๋าปีละ 5 -6 ล้านบาท หนำซ้ำต้องมาถูกซ้ำเติมความเจ็บปวดจากปัญหาการตัดสินของกรรมการ ซึ่งตนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สมาคมฟุตบอลต้องพัฒนา และตนยังเชื่อว่าระบบมาเฟียฟุตบอลยังคงมีอยู่ในวงการฟุตบอลภูมิภาค ที่อาจใช้ความสนิทสนมหรือสนับสนุนทีมที่มีศักยภาพสูง แต่ยอมรับว่ามีบางส่วนเท่านั้น หากแก้ไขได้จะเป็นเรื่องดีที่สุด
เบื้องต้นจากกรณีที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอส หลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 มีผลการพิจารณาตัดสินออกมาแบบไม่เป็นธรรม ขอชี้แจงดังนี้ 1.ที่ระบุว่าผู้เล่นหมายเลข 10 ถูกห้ามลงแข่ง 6 นัด ปรับเงิน 30,000 บาท แต่ข้อเท็จจริงปัญหาเกิดขึ้นประมาณนาที 79 ที่ผู้เล่นหมายเลข 10 เล่นบอลในเกม โดยผู้เล่นเลย ซิตี้ สไลด์บอล ขณะผู้เล่นหมายเลข 10 กำลังจะเตะ ทำให้ถูกผู้เล่นของเลย ซิตี้ ก็ถือว่าเป็นการเล่นในเกมฟุตบอล นครพนม เอฟซี ก็ยอมรับผิดจากการให้ใบแดงของกรรมการ
แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ขณะผู้เล่นหมายเลข 10 เดินออกจากสนาม กลับมีผู้เล่นสำรองสวมเสื้อหมายเลข 22 เดินมาทำร้ายชกต่อย จนเกิดการชุลมุนบานปลาย บวกกับกองเชียร์แสดงอาการไม่สุภาพ ตะโกนด่าทอผู้เล่นนครพนม เอฟซี ทำร้ายร่างกายทั้งที่อยู่ในเกมการแข่งขัน สุดท้ายไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ขณะที่เลย ซิตี้ นำนครพนม เอฟซี ไปตั้งแต่ครึ่งแรก 1 ประตูต่อ 0 กรรมการพยายามจะให้ทดเวลาเล่นต่อครั้งแรกเพียง 4 นาที ทั้งที่เวลาเหลือประมาณ 10 นาที พอถูกทักท้วงจะให้เล่นเพิ่มเป็น 8 นาที ถือว่าไม่มีมาตรฐาน นครพนม เอฟซี จำเป็นต้องหยุด ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยในสนาม กรรมการให้ผู้เล่นสำรองเข้ามาชกต่อยนักเตะในสนาม แต่ไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย ปล่อยให้ปัญหาบานปลายจนหยุดเล่นก่อนหมดเวลาการแข่งขัน ถึงจะแพ้ก็ยอม เพราะถือเป็นการกีฬาไม่ติดใจ แต่ติดใจในเรื่องมาตรฐานการติดสิน
ภายหลังทางสโมสรได้ทำหนังสือไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมการจัดการแข่งขัน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเชื่อว่านครพนม เอฟซี ถูกทำร้ายนอกเกม และมีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นในสนาม แต่ยังไม่มีการสรุป
สุดท้ายกลับมีคำตัดสินออกมาให้ทำโทษนักฟุตบอลผู้เล่นหมายเลข 10 ปรับเป็นเงินรวม 1.4 แสน รวมถึงปรับกรณีผู้จัดการทีมสั่งหยุดการแข่งขัน และสั่งห่ามสโมสรนครพนม เอฟซี แข่งขัน เป็นเวลา 1 ปี ถือเป็นการตัดสินที่วัดถึงความไม่มีมาตรฐานของคณะกรรมการ ที่ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และไม่มีการสอบสวนทุกฝ่าย สร้างความเสียหายให้กับวงการฟุตบอลไทย รวมถึงสโมสรนครพนม เอฟซี ซึ่งเป็นทีมถูกกระทำกลับได้รับการลงโทษ
ดังนั้นในฐานะที่เป็นทีมมีความบริสุทธิ์ใจ เป็นนักกีฬา ในเมื่อเรายอมรับในเกมแข่งขันที่เกิดปัญหา กลับได้รับผลตอบแทนแบบนี้ จึงได้หารือกับฝ่ายกฎหมาย รวบรวมหลักฐานยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเกี่ยวข้องไปแล้ว พร้อมจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด เนื่องจากเรื่องนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน ครั้งนี้ถือเป็นตัวชี้วัดของมาตรฐานการตัดสิน หรือการแก้ปัญหาในวงการฟุตบอลภูมิภาค และต้องการเรียกร้องให้หาคนออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำลายความเชื่อมั่นของวงการฟุตบอลภูมิภาค
"ปัจจุบันทีมภูมิภาคได้รับการซ้ำเติมจากการตัดงบประมาณสนับสนุนแล้ว ทำไมต้องมาถูกซ้ำเติมจากระบบการตัดสินแบบนี้อีก ส่วนหนึ่งจะเรียกร้องให้มีการแข่งขันใหม่ด้วย หากมีน้ำใจนักกีฬาพอ หรือต้องการให้เอากระบวนการยุติธรรมมาตัดสินทางสโมสรยินดี เพื่อเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลดิวิชั่น 2 แต่หากเรื่องนี้ นครพนม เอฟซี ไม่ผิด ทางกรรมการตัดสินต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย"