สสจ.เชียงใหม่ห่วงยอดผู้ป่วยหมอกควันพุ่ง เตือนเลี่ยงออกกลางแจ้งงดออกกำลังกาย

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สาธารณสุขเชียงใหม่ระบุยอดผู้ป่วยที่อาจจะได้รับผลกระทบสุขภาพจากหมอกควัน ไฟป่าในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือน มี.ค. 58 มีทั้งสิ้นกว่า 8,000 คน พบยังน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่คาดจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ย้ำประชาชนเลี่ยงออกนอกตัวอาคารและให้งดออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างเด็ดขาด เหตุจะได้รับอันตรายจากฝุ่นขนาดเล็กที่เข้าไปฝังในปอดชั้นใน เตือนนักกอล์ฟระวังพิเศษเพราะต้องอยู่กลางแจ้งนาน

วันนี้ (12 มี.ค. 58) ทันตแพทย์ ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาของสัปดาห์ที่สองของเดือน มี.ค. 58 นี้ พบว่ามียอดผู้ป่วยที่อาจจะได้รับผลกระทบสุขภาพจากภาวะหมอกควัน ไฟป่าประมาณ 8,000-9,000 คน

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าสถิติผู้ป่วยยังน้อยกว่า ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากสถานการณ์ปัญหาในปีนี้กำลังเพิ่งเริ่มต้น และปกติผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการหลังจากที่เกิดภาวะหมอกควัน ไฟป่าไปแล้ว 2-3 วัน

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ปัญหายังคงอยู่และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ยังเกินค่ามาตรฐานอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบน่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีก ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ที่พบว่าขณะนี้ในพื้นที่ยังคงมีปัญหามลพิษอากาศหมอกควันไฟป่าอยู่มาก ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจะเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ผู้ป่วยกลุ่มโรคตา ผู้ป่วยกลุ่มโรคผิวหนัง ผู้ป่วยกลุ่มโรคทางเดินหายใจ และผู้ป่วยกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด

ทันตแพทย์ ดร.สุรสิงห์ย้ำว่า ในช่วงนี้ที่สถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศหมอกควันไฟป่ายังรุนแรง และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานอยู่อย่างต่อเนื่อง ประชาชนควรจะอยู่แต่ภายในอาคารบ้านเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดมลพิษอากาศและฝุ่นควันเข้าสู่ร่างกาย หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันและใช้เวลาอยู่นอกตัวอาคารให้น้อยที่สุด

ขณะที่ผู้ที่นิยมออกกำลังกายกลางแจ้งทุกประเภทให้งดออกกำลังกายในช่วงนี้ โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เหนื่อยและต้องสูดเอาฝุ่นควันเข้าสู่ร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นอันตรายมาก เนื่องจากจะเข้าสู่ปอดชั้นในและไม่สามารถขับออกมาได้ ส่งผลต่อการทำงานของปอดที่จะเสื่อมประสิทธิภาพลง