ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แม่ทัพภาคที่ 3 ควงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประชุมร่วมผู้ว่าฯ 9 จังหวัดภาคเหนือ เร่งแก้ปัญหาวิกฤตหมอกควันตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี หลังพบค่ามลพิษพุ่งเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบทั่วภาคเหนือ
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมบูรณาการส่วนราชการ 9 จังหวัดภาคเหนือในการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่า และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหา และกำชับการทำงานร่วมกัน หลังจากที่พบว่าปัญหามลพิษอากาศในหลายจังหวัดภาคเหนือทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พล.ท.สาธิตกล่าวว่า กองทัพภาคที่ 3 ได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรีให้จัดประชุม 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อระดมเครื่องมือและกำลังคนแก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ที่ปัจจุบันเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเบื้องต้นขอความร่วมมือทุกจังหวัดระดมชุดปฏิบัติการและเครื่องมือ พร้อมการสนับสนุนต่างๆ จากทางกองทัพ ทั้งกำลังทหาร เครื่องมือ เครื่องบินจากกองทัพอากาศ ขึ้นบินโปรยละอองน้ำ ตลอดจนปฏิบัติการทำฝนหลวง และที่สำคัญที่สุดคือ ขอความร่วมมือจากประชาชนตั้งแต่ระดับพื้นที่ในการช่วยกันป้องกันแก้ไขปัญหานี้
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าปัญหาหมอกควัน ไฟป่ามีต้นเหตุสำคัญจากการเผาด้วยฝีมือมนุษย์ ซึ่งการแก้ปัญหาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ ด้วยการปลุกจิตสำนึกและอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ตำบล ให้งดการเผาและช่วยระงับเหตุ ขณะเดียวกันอาจจะต้องนำมาตรการลงโทษทางกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มงวดด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่าการเผาและไฟป่าที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ของประเทศไทยเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านได้ประสานความร่วมมือในการป้องกันแก้ไขร่วมกัน โดยเฉพาะกับประเทศพม่าในการร่วมกันทำแนวกันไฟตามแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย
ด้าน ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุด มีการแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่า เวลานี้ทุกภาคส่วนในพื้นที่ต่างร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบตามหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพ จึงอยากเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันงดหรือเลี่ยงการเผาในช่วงนี้ไปก่อน ส่วนการเผาพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อเตรียมการเพาะปลูกผลผลิตส่งให้บริษัทธุรกิจด้านการเกษตรยักษ์ใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เบื้องต้นเห็นด้วยว่าอาจจะต้องมีการเจรจากับบริษัทดังกล่าวในการให้เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบเพื่อลดปัญหานี้