ฉะเชิงเทรา - แพทย์เตรียมให้สามีผู้เสียชีวิตป่วยด้วยโรคกาฬหลังแอ่นออกจาก รพ.ได้แล้ว ด้านแพทย์ผู้ให้การรักษาแนะวิธีป้องกันตนเอง ระบุไม่พบบ่อยในไทย แต่เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีอาการรุนแรง สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 48 ชม.
วันนี้ (7 มี.ค.) พญ.รุจิรัตน์ ปุณยลิขิต รอง ผอ.รพ.พุทธโสธร (รพ.เมืองฉะเชิงเทรา) ด้านระบบบริการสุขภาพชุมชน กล่าวว่า ขณะนี้หลังจากได้ทำการกักกันโรค และสังเกตอาการในส่วนของสามีของหญิงผู้ป่วยด้วยโรคกาฬหลังแอ่นแล้วเสียชีวิต ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ขณะนี้ทาง รพ.ได้เตรียมที่จะอนุญาตให้ทางฝ่ายสามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นชายชาวกัมพูชา วัย 26 ปี นั้นออกจาก รพ.ได้แล้ว หลังจากไม่พบว่ามีอาการของโรค หรือความผิดปกติเกิดขึ้น
ส่วนผลการตรวจเพื่อยืนยันถึงสายพันธุ์ของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคนั้น ยังไม่มีการแจ้งยืนยันผลกลับมาจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นวันพรุ่งนี้ หรือในวันจันทร์นี้ พญ.รุจิรัตน์ กล่าว
ด้าน นพ.วัฒนา อารีย์ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม รพ.พุทธโสธร แพทย์ผู้ทำการรักษาหญิงชาวกัมพูชารายนี้ กล่าวเปิดเผยถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้ป่วยว่า เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเชื้อแบคทีเรียที่พบเป็นเชื้อกรรมลบรูปทรงกลม ซึ่งเคยพบในประเทศไทยแต่เพียงประปราย และส่วนใหญ่พบอาการในรูปแบบของระบบประสาท หรือมีอาการในเยื่อสมองอักเสบ
สำหรับคนไข้รายนี้พบว่า เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด มีอาการค่อนช้างรุนแรง โดยมีอาการชัก และไข้ขึ้นสูง พร้อมมีจุดเลือดเป็นผื่นออกมา จนทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวตั้งแต่แรกที่เข้ามายัง รพ.จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังการเพาะเชื้อภายใน รพ. พบแบคทีเรียในกระแสเลือด ซึ่งอาการลักษณะนี้มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง เช่น ผู้ที่เคยได้รับการตัดม้ามมาจะเสียชีวิตค่อนข้างเร็ว
ซึ่งจากอาการที่ปรากฏนั้น ถือว่าตรงกันกับรายงานของผู้ที่ติดเชื้อป่วยด้วยโรคกาฬหลังแอ่นที่เคยพบมาในประเทศไทยมาแล้วทุกประการ ซึ่งหากเป็นอาการติดเชื้อในกระแสเลือดจะเกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตได้ด้วยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึง 48 ชม. ซึ่งรุนแรงกว่าอาการที่มีผลต่อทางระบบประสาท หรือเยื่อสมองอักเสพ
โดยจากประสบการณ์ทางการแพทย์ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมานั้น เพิ่งพบว่าผู้ป่วยรายนี้มีอาการค่อนข้างรุนแรง และตรงกันกับโรคมากที่สุด สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ที่ผ่านมามีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้จำนวนน้อยราย
วันนี้ (7 มี.ค.) พญ.รุจิรัตน์ ปุณยลิขิต รอง ผอ.รพ.พุทธโสธร (รพ.เมืองฉะเชิงเทรา) ด้านระบบบริการสุขภาพชุมชน กล่าวว่า ขณะนี้หลังจากได้ทำการกักกันโรค และสังเกตอาการในส่วนของสามีของหญิงผู้ป่วยด้วยโรคกาฬหลังแอ่นแล้วเสียชีวิต ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ขณะนี้ทาง รพ.ได้เตรียมที่จะอนุญาตให้ทางฝ่ายสามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นชายชาวกัมพูชา วัย 26 ปี นั้นออกจาก รพ.ได้แล้ว หลังจากไม่พบว่ามีอาการของโรค หรือความผิดปกติเกิดขึ้น
ส่วนผลการตรวจเพื่อยืนยันถึงสายพันธุ์ของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคนั้น ยังไม่มีการแจ้งยืนยันผลกลับมาจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นวันพรุ่งนี้ หรือในวันจันทร์นี้ พญ.รุจิรัตน์ กล่าว
ด้าน นพ.วัฒนา อารีย์ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม รพ.พุทธโสธร แพทย์ผู้ทำการรักษาหญิงชาวกัมพูชารายนี้ กล่าวเปิดเผยถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้ป่วยว่า เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเชื้อแบคทีเรียที่พบเป็นเชื้อกรรมลบรูปทรงกลม ซึ่งเคยพบในประเทศไทยแต่เพียงประปราย และส่วนใหญ่พบอาการในรูปแบบของระบบประสาท หรือมีอาการในเยื่อสมองอักเสบ
สำหรับคนไข้รายนี้พบว่า เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด มีอาการค่อนช้างรุนแรง โดยมีอาการชัก และไข้ขึ้นสูง พร้อมมีจุดเลือดเป็นผื่นออกมา จนทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวตั้งแต่แรกที่เข้ามายัง รพ.จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังการเพาะเชื้อภายใน รพ. พบแบคทีเรียในกระแสเลือด ซึ่งอาการลักษณะนี้มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง เช่น ผู้ที่เคยได้รับการตัดม้ามมาจะเสียชีวิตค่อนข้างเร็ว
ซึ่งจากอาการที่ปรากฏนั้น ถือว่าตรงกันกับรายงานของผู้ที่ติดเชื้อป่วยด้วยโรคกาฬหลังแอ่นที่เคยพบมาในประเทศไทยมาแล้วทุกประการ ซึ่งหากเป็นอาการติดเชื้อในกระแสเลือดจะเกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตได้ด้วยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึง 48 ชม. ซึ่งรุนแรงกว่าอาการที่มีผลต่อทางระบบประสาท หรือเยื่อสมองอักเสพ
โดยจากประสบการณ์ทางการแพทย์ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมานั้น เพิ่งพบว่าผู้ป่วยรายนี้มีอาการค่อนข้างรุนแรง และตรงกันกับโรคมากที่สุด สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ที่ผ่านมามีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้จำนวนน้อยราย