ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่รณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุ กวดขันการสวมหมวกนิรภัย “จับปรับจริง” 5 วันจับคนผิดกว่าครึ่งหมื่น ขณะที่ ตร.เชียงรายเริ่มปล่อยแถว จนท.ออกจับปรับ หลังพบคนไม่สวมหมวก-จอมล้ำเดือนละกว่า 3 พัน
วันนี้ (6 มี.ค.) ร.ต.อ.วรการ รัตนกันทา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทีมโฆษก ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า หลัง พล.ต.ต.มณตรี สัมบุณณา ผบก.ภ.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ในสังกัดรณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุ และกวดขันการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตามโครงการ “จับปรับจริง” เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่มีผู้ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตจากการใช้รถใช้ถนนอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ปรากฏว่าตลอด 5 วันที่ผ่านมา (1-5 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ของเชียงใหม่ พบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยถูกดำเนินคดีจับปรับทั้งสิ้น 6,231 ราย
วันเดียวกัน พล.ต.ต.วีระวุฒิ เนียมน้อย ผบก.ภ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างวัฒนธรรมในการขับขี่รถจักรยายนต์ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชภาร ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ นำรถจักรยานยนต์เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 400 คัน
พล.ต.ต.วีระวุฒิประกาศว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทางตำรวจเชียงรายจะเข้มงวดกวดขั้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎจราจรทั่ว จ.เชียงรายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการให้สวมหมวกนิรภัยแบบเต็มศีรษะอย่างถูกต้องตามระเบียบทั้งคนขับขี่และคนซ้อนท้าย โดยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ตามจุดต่างๆ จะตรวจสอบการใช้ยานพาหนะ และหากพบการกระทำผิดกฎหมายจราจรก็จะเปรียบเทียบปรับตามขั้นตอนของกฎหมายโดยไม่มียกเว้นทันที เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ยานพาหนะเอง
พล.ต.ต.วีระวุฒิกล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มนำมาตรการผิดปรับจับจริงมาใช้พบว่าได้มีผู้ที่ยังกระทำผิดอยู่อีกเดือนละกว่า 3,000 ราย ซึ่งหลังมีการเปิดโครงการเสริมสร้างฯ ในครั้งนี้แล้วคาดหวังว่าจะทำให้สถิติดังกล่าวลดลง ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของหมวกนิรภัย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่าผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรคือกลุ่มขับรถล้ำเส้นจราจรตามแยกต่างๆ บนถนนหรือเรียกว่าพวกจอมล้ำ โดยส่วนใหญ่เมื่อสอบถามก็รู้กฎหมาย แต่ก็ยังฝ่าฝืนอยู่ ซึ่งก็จะมีการดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป
“เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทั้งประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยวที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ในการสัญจรไปมาอีกด้วย”