ศูนย์ข่าวศรีราชา - บอร์ดการท่าเรือ อนุมัติพื้นที่ 55 บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับดำเนินการโครงการพื้นที่สีเขียวเพื่อสาธารณประโยชน์ต่อชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง
วันนี้ (6 มี.ค.) นายสนธิ คชวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาชุมชนและสังคมรอบท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการ และประชาชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมประชุมหารือ โดยมีการวาระการแจ้งให้ทราบเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่ 55 ไร่ เป็นพื้นที่ส่วนกลาง เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการผลักดันจากคณะอนุกรรมการชุดนี้ และประชาชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อต้องการให้พื้นที่ดังกล่าวได้ใช้ปะโยชน์ได้สูงสุด หลังจากที่ถูกทิ้งร้างมานานจนมีผู้บุกรุกเข้ามาก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย
นางพรทิพา ทวีนุช ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองแผนงานท่าเรือแหลมฉบัง และเลขานุการคณะอนุกรรมการพัฒนาชุมชนและสังคมรอบท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า ตาม พ.ร.บ.เวนคืน 2521 เพื่อต้องการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ โดยมีกลุ่มประมงอาชีพทางจังหวัดชลบุรี จึงร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้จัดสรรพื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อสร้างท่าเทียบเรือประมง และที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนเป็นการชดเชย
แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่มีใครยอมมาย้ายมาอยู่ ทำให้พื้นที่กล่าวซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 55 ไร่ ว่างเปล่าไม่มีการใช้ประโยชน์ จึงทำให้มีกลุ่มผู้บุกรุกเข้ามาปลูกสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก
ทางตัวแทนชาวบ้านเห็นว่า น่าจะมีการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงได้มีการผลักดันโครงการดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งขณะนี้บอร์ดการท่าเรือฯ ได้อนุมัติในหลักการเรียบร้อยแล้ว โดยให้ทางท่าเรือดำเนินการจัดพื้นที่ส่วนกลางเพื่อเป็นพื้นที่สีเขียว สำหรับการใช้ประโยชน์ของชุมชน เช่น ศูนย์การเรียนรู้ สวนสาธารณชุมชน ร้านค้าชุมชน
โดยขณะนี้ได้มีการจัดทำร่างผังการใช้ประโยชน์ บนพื้นที่ 55 ไร่ ประกอบไปด้วย ศูนย์การเรียนรู้ ส่วนตลาดและร้านค้า ท่าเรือประมง สวนสุขภาพ พื้นที่จอดรถ โดยทางท่าเรือนำเสนอผังให้ทาง คณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาว่าเห็นชอบต่อโครงการแบบนี้หรือไม่
แต่ถ้าทางคณะอนุกรรมการฯ และชาวบ้านไม่เห็นด้วยต่อแบบเดิม ก็สามารถที่จะนำเสนอโครงการได้ในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะมีการประชุมหารือเพื่อกำหนดรูปแบบอีกครั้งหนึ่งว่า ในโครงการควรจะมีอะไรบ้าง โดยในระหว่างนี้ทางท่าเรือแหลมฉบัง และชุมชนต้องร่วมมือกันในการผลักดันกลุ่มผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งจะทำรั้วกั้นพื้นที่โครงการทั้ง 55 ไร่ เพื่อป้องกันการบุกรุกต่อไปในอนาคต