ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่สถานการณ์มลพิษหมอกควัน ไฟป่ายังอ่วม พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานต่อเนื่อง เผยครึ่งเดือนพบจุดความร้อนเฉียด 300 จุด มากที่สุดในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นการเผาไร่ข้าวโพด เปิดสายโทรศัพท์รับแจ้งเหตุเผาตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ว่าฯ กำชับทุกหน่วยงานร่วมมือทำงานแก้ไขปัญหาเข้มข้น ย้ำให้ทำเต็มที่และพร้อมรับคำติชมไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร
วันนี้ (3 มี.ค. 58) นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์มลพิษหมอกควันและไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขณะนี้ยังคงมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 สูงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ ที่สถานีศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 อยู่ที่ 150 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และสถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบว่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 อยู่ที่ 181 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าสถานการณ์ปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณาจากการที่วันที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐานเกิดขึ้นเร็วกว่า โดยต้นเหตุหลักมาจากทิศทางลมที่พัดพาเอาหมอกควันไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านและจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาสู่พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบการเผาในพื้นที่ด้วยทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ปัญหาขึ้นแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประชุมสั่งการทันทีให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วนเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานทุกด้านในการลดการเผาทุกชนิดลงให้ได้มากที่สุด เพื่อบรรเทาและคลี่คลายความรุนแรงของปัญหาลงให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้ทุกอำเภอมีการจัดเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาตลอดเวลา
ตลอดจนขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมงดการเผาทุดชนิด และช่วยกันสอดส่องเฝ้าระวังหากพบเห็นการเผาป่าหรือเผาในที่โล่ง สามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5311-2725 ถึง 6 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการดำเนินการชิงเผาเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในป่านั้น นางจงคล้ายระบุว่า ที่ผ่านมาในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการชิงเผาในพื้นที่ป่าเพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาล่วงหน้าไปทั้งสิ้นประมาณ 8 หมื่นกว่าไร่ ซึ่งถือว่าเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบจากพื้นที่ป่าของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอยู่กว่า 6 ล้านไร่
อย่างไรก็ตาม มองว่าจากการดำเนินการดังกล่าวช่วยบรรเทาปัญหาไปได้ส่วนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นปัญหาในเวลานี้อาจจะมีความรุนแรงกว่านี้
ส่วนรายงานสถิติรับแจ้งเหตุและปฏิบัติการดับไฟป่าสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-1 มี.ค. 58 มีจำนวนรวม 234 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหาย 1,699.50 ไร่ ขณะที่จุดความร้อน (Hotspot) สะสมมีจำนวน 265 จุด ซึ่งอำเภอที่มีจุดความร้อนสะสมมากที่สุดคือ อำเภอแม่แจ่ม 47 ครั้ง โดยจากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดเป็นการเผาไร่ข้าวโพด
ด้ายนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้บูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ และเมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มที่อาจจะรุนแรงขึ้นก็ได้มีการกำชับเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานให้มากกว่าเดิมเพื่อคลี่คลายและบรรเทาสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาลงโดยเร็ว โดยยืนยันว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับปัญหา ซึ่งในท้ายที่สุดไม่ว่าผลจะออกมาเช่นใดก็พร้อมที่จะรับคำติชม