เชียงราย - ปศุสัตว์ฯ พร้อมตำรวจ ตัวแทนองค์กรเอกชน และหน่วยกู้ภัย นำหมายศาลบุกค้นบ้านเช่าอดีตคนส่งชุดคาบาเรต์กลางเมืองเชียงราย พบขังหมาไว้นับร้อยตัว จนส่งเสียงร้องเห่าหอนลั่นบ้าน ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว แถมถูกตัดน้ำ ตัดไฟมานาน 2 เดือน พอเจ้าหน้าที่จะเอาไปดูแลกลับขวาง จนต้องจับใส่กุญแจมือ
วันนี้ (25 ก.พ.) นายสัตวแพทย์ นิคม ดอกสลิด สัตวแพทย์ชำนาญงาน ปฏิบัติราชการแทนปศุสัตว์ อ.เมืองเชียงราย ร่วมกับ พ.ต.ต.คเชนทร์ เชิดชูตระกูลทอง สวป.สภ.เมืองเชียงราย พร้อมตำรวจชุดสืบสวน องค์กรเอกชนและหน่วยกู้ภัย ได้นำหมายค้นจากศาล จ.เชียงราย เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 400/2 ม.19 ชุมชนรั้วเหล็กเหนือ เทศบาลนครเชียงราย
หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการขังสุนัขจรจัดเอาไว้เป็นจำนวนมาก ประกอบกับสืบทราบว่ามีการเลี้ยงสุนัขอย่างไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบเป็นบ้านไม้สองชั้นสภาพเก่า และมีกลิ่นเหม็นจากของเสียสัตว์คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ขณะที่รอบตัวบ้านแออัดไปด้วยกรงเหล็ก และไม้ 10-20 กรง แต่ละกรงมีสุนัขถูกขังเอาไว้ภายในเฉลี่ยกรงละ 1-2 ตัวรวมประมาณ 100 ตัว จนส่งเสียงร้อง และเห่ากันดังลั่นบ้าน
เจ้าหน้าที่แสดงหมายค้นต่อผู้อาศัย ซึ่งแจ้งว่าตัวเองชื่อนายสมพงษ์ คำพับ อายุ 59 ปี และขอเข้าไปตรวจสอบสภาพสุนัขที่ถูกขังทั้งหมด ซึ่งตอนแรกนายสมพงษ์ไม่ยินยอม โดยระบุว่าตัวเองกำลังจะพาสัตว์เลี้ยงย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งถึงความจำเป็น และการร้องเรียน จนเป็นที่มาของการตรวจค้นนายสมพงษ์จึงยินยอม
จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตามกรงขังสุนัขต่างๆ ต่างก็รู้สึกสังเวชใจเมื่อเห็นสุนัขแต่ละตัวมีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป มีกลิ่นเหม็นเหมือนไม่ได้อาบน้ำมานาน บางตัวผอม และมีโรคผิวหนังรุนแรง รวมถึงมีแผลถลอก จึงแจ้งนายสมพงษ์ว่าไม่สามารถปล่อยให้มีการกักขังสุนัขเอาไว้ในลักษณะนี้ได้ โดยจะนำไปดูแลที่อื่น เพราะนอกจากจะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเรื่องเสียงดังแล้ว ยังอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสมพงษ์ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดใดๆ สุนัขทั้งหมดเป็นของตน จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำไป จนเจ้าหน้าที่ต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ ก่อนเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งพบสุนัขที่ถูกทำสตัฟฟ์เอาไว้ 1 ตัวด้วย
นายสัตวแพทย์ นิคมกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เคยเข้าไปตรวจสอบบ้านหลังนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่เจ้าของไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าไปดูแลสัตว์ และยังอ้างว่าจะย้ายออกอยู่ร่ำไป แต่ปัญหาคือ สัตว์ที่อยู่ภายในอาจจะไม่ได้รับการดูแลที่ดีเพราะไม่มีระบบน้ำ และไฟในบ้านหลังดังกล่าวเลย
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้นำสุนัขทั้งหมดส่งไปสถานที่ดูแลสัตว์ อ.พาน จ.เชียงราย เป็นการชั่วคราวก่อน ส่วนการดำเนินการต่อเจ้าของบ้านนั้น เบื้องต้นเมื่อพิจารณาเรื่องการกักขังสัตว์ให้อยู่ในที่แคบๆ บางตัวยืนอยู่ในกรงลักษณะนี้มานานหลายเดือน หรือเมื่อดูจากสภาพร่างกายก็น่าจะเข้าข่ายดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์แล้ว แต่จะหารือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางก่อน
ด้านนางจิต วิชาลัย เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านข้างเคียง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่นายสมพงษ์นำสุนัขมาเลี้ยงในบ้านจะมีเสียงเห่าหอนทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เกือบทุกวันตนไม่สามารถให้หลานๆ ทั้ง 3 คนอยู่บ้านได้เพราะเสียงดังมากเกินจนต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติ เมื่อไปสอบถามก็ถูกต่อว่า อ้างว่าเป็นญาติกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเคยร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เกี่ยวกับปัญหาสัตว์จรจัดมาแล้ว ทำให้ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงก่อรั้วด้านที่ติดกับบ้านนายสมพงษ์ให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันเสียงได้บ้าง
“บางครั้งยังได้ยินเสียงสุนัขร้องด้วยความเจ็บปวด และบางทีมีเสียงตีจนสุนัขหยุดร้องไปเลยก็มี”
ขณะที่นายสมพงษ์กล่าวว่า เดิมตนทำงานเป็นคนส่งเสื้อผ้าชุดคาบาเรต์อยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พออายุมากขึ้นก็ย้ายมาอยู่ จ.เชียงราย โดยเช่าบ้านหลังนี้อยู่มานานประมาณ 6 ปี และได้นำสุนัขจรจัดจากข้างถนนมาเลี้ยง บางครั้งก็มีคนนำมาฝากเอาไว้จนมีอยู่เต็มบ้าน
“ทำไปเพราะความเมตตาต่อสัตว์ สำหรับอาหารการกินของสุนัขก็ต้มข้าวให้ เมื่อน้ำและไฟที่บ้านถูกตัดมาได้นานราว 2 เดือนทำให้เกิดสภาพนี้ขึ้น ซึ่งตนก็กำลังจะย้ายสุนัขไปอยู่ที่ใหม่ แต่เนื่องจากมีสุนัขอยู่หลายตัวจึงต้องใช้เวลาบ้างเท่านั้น”