พระนครศรีอยุธยา - สองผัวเมียแจ้งจับหนุ่มอ้างเป็นตำรวจสำนักพระราชวังแต่ลาออกมาทำอาชีพอิสระ ตีสนิทนับเดือนก่อนพาไปซื้อรถ จากนั้นฉกเงินกว่า 4 แสนหนีลอยนวล
วันนี้ (22 ก.พ.) นายสมชาย เทียบมณฑป อายุ 60 ปี นางสมปอง เทียบมณฑป อายุ 49 ปี สองสามีภรรยา อาชีพรับสร้างบ้านทรงไทย ใน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายอ้างตัวเป็นตำรวจสำนักพระราชวัง ตีสนิทนานนับเดือน ก่อนหลอกขายรถยนต์โดยพาไปซื้อ จากนั้นถูกนำมาทิ้งไว้ และฉกเงินหนีไปกว่า 400,000 บาท จึงเดินทางไปตรวจสอบ
นายสมชายเปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2557 มีนายภัทรพล กิษยาวรโชติ อายุ 40 ปี และนางสาวดอกอ้อ ดีนอก อายุ 37 ปี สองสามีภรรยา ขับรถยนต์เข้ามาขอเช่าหอพัก โดยนายภัทรพลอ้างว่าได้ลาออกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักพระราชวัง อยากมาพักผ่อนทำอาชีพอิสระ ระหว่างที่มาเช่าหอพักอยู่ นายภัทรพลจะเรียกตัวเองว่าหมวดพลเวลาที่พูดคุยโทรศัพท์ และเข้ามาตีสนิทตนเองกับครอบครัว อาสาไปรับไปส่งลูกชายของตนที่โรงเรียน ไปไหนมาไหนกับครอบครัวของตนเอง ในรถยนต์ของนายภัทรพลยังมีเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักพระราชวังแขวนอยู่ เวลาผ่านด่านที่ไหนจะได้รับการอำนวยความสะดวกตลอด
นอกจากนี้ยังมีความชำนาญเรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบกล้องวงจรปิดที่ดูผ่านระบบมือถือและโทรศัพท์ จนเมื่อช่วงปีใหม่นายภัทรพลได้จัดงานสังสรรค์ปีใหม่ ซื้อของขวัญแจกเงินให้ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงด้วย
ทั้งนี้ นายภัทรพลมักจะเล่าเรื่องการปฏิบัติหน้าที่อารักขา และรับเสด็จตามสถานที่ต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียดจนหลายคนเชื่อ พร้อมมีภาพถ่ายตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่จับยาเสพติดและจับคนร้าย ทุกวันจะเข้ามาอยู่ในบ้านจนค่ำจนสนิทสนมไว้ใจ ซึ่งตนได้บ่นไปว่าอยากได้รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ นายภัทรพลเสนอตัวว่ารู้จักกับสารวัตรนายหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ มีรถยนต์หลายคันจะขายในราคาถูก พร้อมกับเปิดภาพถ่ายในไลน์ เป็นภาพรถยนต์หรูราคาแพงหลายคัน ซึ่งจะมีนายภัทรพลและภรรยานั่งอยู่ในรถและมีสารวัตรที่นายภัทรพลอ้างถึงนั่งอยู่ด้วย
นายสมชายกล่าวว่า ต่อมาได้ตกลงที่จะซื้อรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ในราคา 400,000 บาท นัดไปรับที่ห้างบิ๊กซี บางบอน กทม. วันที่ 18 ก.พ. จึงได้เบิกเงินสดมาใส่กระเป๋าสะพายออกเดินทางจากบ้านพัก ทันทีที่ขึ้นรถนายภัทรพลได้เอากระเป๋าเงินสดถือไว้ตลอดเวลา เมื่อไปถึงบิ๊กซีนายภัทรพลได้ให้ตนนั่งรอในร้านกาแฟ แล้วได้โทรศัพท์บอกสารวัตรว่าให้นำรถมามอบให้ จากนั้นนายภัทรพลนั่งรอสักพักเพื่อรอรถแต่ก็ไม่มา จึงลุกไปและบอกว่าเดี๋ยวมาจะเอารถไปเปลี่ยนกับสารวัตร พอออกไปประมาณ 10 นาทีได้โทรศัพท์หาภรรยาหานายภัทรพลว่าให้ออกไปซื้อเบียร์มาดื่มรอกันก่อน แล้วภรรยาของนายภัทรพลได้ตามออกไป
“ผมนั่งรอเป็นเวลานานไม่เห็นมาจึงผิดสังเกต และรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว จึงติดต่อไปที่สารวัตรคนที่นายภัทรพลอ้าง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่ สน.เพชรเกษม ซึ่งได้มาพบ รูปร่างหน้าตาเหมือนกับภาพที่นายภัทรพลเคยให้ดู แต่สารวัตรคนดังกล่าวบอกว่าไม่เคยรู้จักกับนายภัทรพลมาก่อน และเคยมีคนถูกหลอกลักษณะนี้มาแล้วหลายราย”
ตนจึงได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.บดีพล กมลเลิศ พนักงานสอบสวน สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีต่อนายภัทรพลและภรรยา และอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดติดตามตัว เพราะพฤติกรรมของคนร้ายน่าจะทำกันเป็นขบวนการ และฝากเตือนประชานให้ระมัดระวังสองสามีภรรยาจะเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ด้วย
ต่อมา นางสมปองพาไปที่ห้องเช่าที่นายภัทรพลเช่าไว้ โดยภรรยานายภัทรพลได้เปิดเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ขณะเข้าตรวจสอบภายในบ้านยังพบว่ามีทรัพย์สินทิ้งไว้หลายรายการ ทั้งโทรทัศน์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ จักรเย็บผ้า