บุรีรัมย์ - ตำรวจบุรีรัมย์รวบสาวเมืองปากน้ำโพแสบ แอบเข้าพักรีสอร์ตย่องเอากุญแจรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ขับหนีหายไปส่งนายทุนขายประเทศเพื่อนบ้าน ได้ค่าจ้าง 150,000 บาท กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ตำรวจนำตัวมาสอบรับสารภาพ พบประวัติโชกโชนก่อเหตุในหลายพื้นที่ มีหมายจับ 3 คดี เตรียมขยายผลรวบกลุ่มนายทุนร่วมขบวนการ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (3 ก.พ.) ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประยุทธ โพธิ์แก้วกุล พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.อดุลย์ ชัยประสิทธิกุล ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นางชญาดา ศิลปี อายุ 31 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กง 7155 บุรีรัมย์ เหตุเกิดในท้องที่ สภ.นางรอง พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนางชญาดา ผู้ก่อเหตุได้มาพักที่แฮปปี้รีสอร์ท ตั้งอยู่ ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2558 เดินทางมาโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งผู้โดยสารสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพฯ มาลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนางรอง แล้วจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างขับตระเวนหาห้องพัก พบรถเป้าหมายจอดอยู่ภายในรีสอร์ต จึงได้เข้าพักที่ห้องหมายเลข 11
กระทั่งวันที่ 9 ม.ค. นางชญาดาสังเกตเห็นกุญแจรถยนต์คันดังกล่าวแขวนอยู่ที่เคาน์เตอร์ และเจ้าของรถยนต์ไม่อยู่ มีเพียงแม่บ้านทำความสะอาด จึงออกอุบายให้แม่บ้านไปทำความสะอาดห้องที่พัก ก่อนเข้าไปขโมยกุญแจรถยนต์คันดังกล่าวแล้วขับออกมามุ่งหน้าเข้า อ.เมืองบุรีรัมย์ ขับไปทาง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม พอถึง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มีคนมารับรถยนต์เพื่อพักรถแล้วส่งต่อคนที่มารับช่วงต่อ ก่อนนำรถไปให้นายทุนอีกทอดหนึ่งเพื่อนำส่งออกไปขายต่อไปประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยนางชญาดาจะได้ค่างจ้างเป็นเงิน 150,000 บาท
หลังเกิดเหตุ ชุดสืบสวนฯ ได้ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมอย่างต่อเนื่อง และได้ประสานข้อมูลกับพื้นที่ที่มีการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับลักษณะของบุคคล และลักษณะการก่อเหตุที่เขตพื้นที่ สภ.นางรอง ที่ได้จากกล้องวงจรปิดของรีสอร์ต ปรากฏว่ามีลักษณะคล้ายกันน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุมาแล้วในหลายพื้นที่แต่ยังจับกุมตัวไม่ได้
ชุดสืบสวนฯ จึงได้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนทราบว่านางชญาดาหนีไปหลบซ่อนอยู่ในกรุงเทพฯ จึงนำตัวมาสอบสวน และให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับภาพในกล้องวงจรปิดของรีสอร์ต เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมควบคุมตัว นางชญาดามาสอบสวน และตรวจยึดของกลางทั้งหมด แต่รถยนต์ยังไม่สามารถติดตามกลับคืนมาได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลติดตามจับกลุ่มนายทุนและผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี
โดยนางชญาดาได้เผาป้ายทะเบียนรถผู้เสียหาย แล้วนำป้ายทะเบียนใหม่มาสวมแทน ส่วนทรัพย์สินภายในรถยนต์ มีเงินกว่า 70,000 บาท พระเครื่องหลายรายการประเมินค่าไม่ได้ นาฬิกา และโทรศัพท์มือถือ รวมมูลค่าทรัพย์สินภายในรถคันดังกล่าวกว่า 1 ล้านบาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางชญาดา พร้อมของกลางที่ตรวจยึดมาได้ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์
ด้าน พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหาลักรถที่ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นรายสำคัญ เพราะมีการก่อเหตุทั้งลักษณะเป็นการลักทรัพย์ เช่าซื้อ เพื่อส่งขายหรือจำนำให้กับนายทุนรับจำนำรถ มีทั้งการปลอมแปลงโฉนดที่ดิน หรือเอกสารราชการ เพื่อหลอกกู้เงินจากนายทุน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายพื้นที่ และมีหมายจับ 3 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ 171/2557 ลง 17 ธ.ค. 2557 สภ.ศรีบุญเรือง ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ520/2557 ลง 3 ต.ค. 2557 สภ.ท่ามาะกา ข้อหา ยักยอก และหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 1507/2557 ลง 25 ส.ค. 2557 สภ.หนองแค ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
ทั้งนี้ ระหว่างแถลงข่าวได้มีนายสมเกียรติ ปิงรัมย์ เจ้าของแฮปปี้รีสอร์ท นำกระเช้ามามอบให้ พล.ต.ต.สุวรรณ และชุดจับกุม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย